Saturday, December 29, 2012

มีรถแล้วต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง

เผอิญไปเจอบทวามจากเวปไซต์ไทยรัฐออนไลน์เห็นว่ามีประโยชน์เลยจะเอามาบอกเพื่อนๆต่อครับ เกี่ยวกับกการเป็นเจ้าของรถคันนึงหรือเรียกปัจจุบัน ณ ตอนนี้ว่ารถคันแรก ลองไปดูกันสิครับว่า การเป็นเจ้าของรถคันแรกนั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง 

รถคันแรก
โครงการประชานิยม ของ รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ต้องยกให้โครงการ “รถยนต์คันแรก” ที่รัฐบาลควักเนื้อ ลดภาษีสรรพสามิตให้คันละ 100,000 บาท เพื่อกระตุ้น “ต่อมอยาก” ให้คนที่ยังไม่เคยมีรถยนต์เป็นของตัวเอง ต้องไปซื้อรถยนต์มาขี่ โดยตัวเลขล่าสุด ณ วันคริสต์มาส 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา คุณสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต บอกว่า มีประชาชนไปยื่นขอใช้สิทธิ์แล้ว 1.095 ล้านคัน

คาดว่าเมื่อถึงนาทีสุดท้ายเวลา 24.00 น. คืนวันที่ 31 ธันวาคม เป้าจะทะลุแบบถล่มทลาย 1.2 ล้านคัน รถบางยี่ห้อ เช่น ซูซูกิ สวิฟท์ มีกำหนดส่งรถให้ผู้ซื้อถึงปี 2557 โน่น แต่เดือนไหนยังกำหนดไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ต้องรอ 6-12 เดือน

รถยนต์คันแรก ที่ได้รับสิทธิ์ลดภาษีสรรพสามิตคันละ 100,000 บาท 1.2 ล้านคัน คูณออกมาก็เป็นเงินภาษี 120,000 ล้านบาท เอาเงินก้อนนี้ไปสร้างรถไฟใต้ดินและรถไฟฟ้าลอยฟ้าในกรุงเทพฯได้หลายสายเลยทีเดียว ขนคนได้มากกว่ารถยนต์ 1.2 ล้านคัน ไม่รู้กี่พันกี่หมื่นเท่า รถก็ไม่ติดวินาศสันตะโรอย่างที่เห็น ที่สำคัญยังช่วยลดการผลาญน้ำมันในแต่ละปีอีกมากมายมหาศาล

แต่ก็ช่างเถอะ อีก 3 วัน ก็หมดโครงการแล้ว

แต่ท่านที่ตัดสินใจซื้อรถยนต์คันแรกไปแล้ว เพราะถูกกระตุ้น “ต่อมอยาก” จากรัฐบาล ด้วยการให้ส่วนลดภาษี 100,000 บาท ฟรีๆนั้น ท่านรู้หรือไม่ว่า เมื่อมีรถยนต์แล้ว ท่านจะต้องมี “ค่าใช้จ่ายประจำ” อะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง นอกเหนือจาก เงินค่าผ่อนรถ และ ดอกเบี้ย เช่าซื้อรถยนต์คันแรก

ผมจะลองแยกให้ดูคร่าวๆแต่ละเดือนมีค่าใช้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง

1.ค่าน้ำมันรถ อย่างประหยัดเดือนละ 2,000-3,000 บาท
2.ค่าทางด่วน เดือนละ 3,000 บาท (เฉลี่ยวันละ 2 เที่ยว ขาไป 45 บาท ขากลับ 45 บาท และเผื่อค่าทางด่วนไปทำอย่างอื่นด้วย)
3.ค่าที่จอดรถกลางวัน (ขับรถไปทำงานต้องมีที่จอดรถซึ่งต้องเสียค่าจอด)
4.ค่าเช่าที่จอดรถแถวบ้าน (กรณีบ้านไม่มีที่จอดรถ) เดือนละ 2,000 บาท

นี่แค่รายจ่ายประจำที่จำเป็นเท่านั้น เมื่อมีรถยนต์เล็กๆหนึ่งคัน ก็เป็นหมื่นบาทต่อเดือนแล้ว ยังไม่นับค่าผ่อนรถ ค่าซ่อมรถ อีกต่างหาก

ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเดือนละ 10,000 บาท จากการเป็นเจ้าของรถยนต์คันแรก จะทำให้เจ้าของรถที่มีกำลังเงินไม่พอจ่าย ต้องกลายเป็น NPL หรือ “หนี้เสีย” ในอนาคตอันไม่ไกลแน่นอน ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกส่วนใหญ่ก็รู้ตัวดี แต่อยากได้เงิน 100,000 บาท เมื่อได้เงิน 100,000 บาท แล้ว ก็อาจหักใจทิ้งรถให้เป็นหนี้เสีย วันนี้ไฟแนนซ์เช่าซื้อเองก็รู้ดี จึงได้เตรียมมาตรการยึดรถล่วงหน้าไว้แล้ว

ท่านผู้อ่านเชื่อไหม แม้วันนี้ยังไม่มีรถยนต์คันแรก แต่รถยนต์ทั่วไปก็ขายดิบขายดี จนรถติดเต็มถนนไม่มีที่วิ่ง การนำรถเข้าไปซ่อมในอู่หรือไปตรวจเช็ก จะต้องมีการ “จองใบคิวล่วงหน้า” ด้วยการ โทร.ไปจองคิวล่วงหน้า เป็นสัปดาห์เป็นเดือน แล้วแต่อู่และยี่ห้อรถ อู่บางแห่งต้องจองคิวเป็นเดือนกว่าจะได้คิว เมื่อได้คิวแล้วจึงนำรถไปเข้าอู่ได้ ส่วนจะซ่อมอีกกี่วัน ก็แล้วแต่คิวทางอู่อีก ใครมีรถหนึ่งคัน ถ้ารถเสีย ต้องรอซ่อมเป็นเดือน

ผลจากโครงการประชานิยม “รถยนต์คันแรก” ยังทำให้ “คิวทำใบขับขี่” ของ กรมการขนส่งทางบก ต้องต่อแถวกันยาวเหยียดทุกวัน เพราะคนที่ซื้อรถยนต์คันแรก ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่มีใบขับขี่ เพราะไม่เคยขับรถยนต์ เพิ่งจะไปหัดขับเมื่อจองรถและไปขอทำใบขับขี่ จะรู้กฎจราจรหรือไม่รู้ เพราะเจ้ารถยนต์คันแรกเป็นล้านคน คงหาโรงเรียนสอนขับรถขนาดนี้ได้ยาก ได้แต่สอนกันเองงูๆปลาๆ แล้วก็ไปขอทำใบขับขี่

เพราะฉะนั้น ฟันธงได้เลยว่า ปีหน้าอุบัติเหตุบนท้องถนนจะบานฉ่ำ จาก มือใหม่หัดขับ เจ้าของรถยนต์คันแรก 1.2 ล้านคัน โครงการประชานิยมทุกโครงการ แม้ภายนอกจะดูดี แต่เนื้อในกลับมีผลร้ายมากมายซ่อนอยู่เสมอ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”
ที่มาของบทความ
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/316329

อ่านแล้วลองคำนวณค่าใช้จ่ายกันนะครับ

เขียนเมื่อ : // 9:04 AM
หมวดหมู่:

0 comments:

Post a Comment

 
Powered by Blogger.