Monday, August 8, 2011

เปรียบมวยอีโค่คาร์ March VS. Brio


ถ้าพูดถึงกระแสข่าวที่เป็น Talk of the town เรื่องรถยนต์ชั่วโมงนี้ นั้นคงจะไม่มีเรื่องใด ที่คนให้ความสนใจไปมากกว่าการมาของอีกหนึ่งอีโค่คาร์ ที่งานนี้ค่ายรถยนต์ ฮอนด้า ขอเปิดตัวท้าชนคู่แข่งเจ้าตลาด ที่ล่าสุดปล่อย honda Brio ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดยมีราคาเริ่มต้นที่3.999 -5.085 แสนบาทเป็นตัวการันตี
การมาของอีโค่คาร์รุ่นใหม่นี้ แน่นอนของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่าอยู่วันยังค่ำ โดยเฉพาะ ความสดใหม่ที่เรียกเสียงฮือฮาได้จาก นายหมาก และ ญาญ่า 2 พรีเซ็นเตอร์คู่ขามาแรงที่ทำให้หลายคนหลงไปตามๆกัน แต่งานนี้เรามาวัดกันหมัด ต่อหมัดที่สเป็คล้วนๆ ที่ใครจะอยู่..จะไป...คุณจะเป็นคนตัดสินใจ
ยกแรกเรื่องบอดี้ ...ใกล้เคียงแต่แตกต่าง

ถ้าพูดถึงรถยนต์แล้วปาราการแรกที่ทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อรถคันใดคันหนึ่งนั้น เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รูปลักษณ์นั้นมีส่วนในการเลือกรถยนต์มากกว่าเครื่องยนต์หรือห้องโดยสาร ที่งานนี้ ถ้าพูดถึงการออกแบบแล้วรถทั้ง Nissan March และ Honda Brio นี้ถือเป็นรถยนต์ในกลุ่มซับคอมแพ็คคาร์ ที่เน้นหนักในความคล่องตัวในเมือง
ดั้งเดิมทีในเราอาจจะบอกว่า March หรือที่หลายคนตั้งชื่อเก๋ๆ ว่า น้องมีนา น่าจะเป็นรถที่เล็กที่สุดในตลาดรถยนต์ใหม่ในปัจจุบัน แล้วที่มาพร้อมตัวถังยาว 3780 มิลลเมตร กว้าง 1665 มิลลเมตร และสูง 1515 มิลลเมตร ที่ระยะฐานล้อของรถนั้นยาวถึง 2450 มิลลเมตร ช่วยให้ความสะดวกสบายและมั่นใจในการขับขี่ ในขณะที่การออกแบบโดยรวมของมาร์ช เน้นความสดใสเบิกบานในการขับขี่ ด้วยไฟหน้าดวงใหญ่กลมโตออกแนวคลาสสิค ที่มาพร้อมความป่องเล็กๆ ที่ตรงลำตัว ส่วนบั้นท้ายลงตัวด้วยดวงไฟที่สนองตอบได้อย่างลงตัวและดูมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางด้านดีไซน์ ที่มาพร้อมล้อกะทะขอบ 14 และ อัลลอยขอบ 15 นิ้วในรุ่นท๊อป
ฝั่ง honda Brio นั้น แม้จะเป็นน้องใหม่ที่ตอนแรกหลายคนออกแนวส่ายหน้าหลังตัวต้นแบบออกโชว์ที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป เมื่อ ปลาย ปี แต่เอาเข้าจริงตัวเป็นๆของรถรุ่นนี้ก็น่าสนใจอย่างมาก ด้วยการฉีกดีไซน์จากเดิมอีกเล็กน้อย ที่มีการลบเหลี่ยมรถที่บั้นท้าย ทำให้ตอบโจทย์ในเรื่องความโฉบเฉี่ยวได้ดียิ่งขึ้น พร้อมความเก๋ไก๋ไม่จำเจในตลาด ที่มิติตัวถังนั้นมาพร้อมความยาว 3610 มิลลิเมตร กว้าง 1680 มิลลิเมตร และสูงกว่า 1485 มิลลเมตร และมีฐานล้อยาว 2345 มิลลเมตร ที่ทุกรุ่นมาพร้อมล้อขอบ 14 นิ้ว
สรุปก็คือ Nissan March ยาวกว่า แต่กว้างน้อยกว่า ส่วน Brio นั้น แม้จะยาวน้อยกว่าแต่ก็กว้างกว่า ส่วนฐานล้อนั้นก็สั้นกว่า ซึ่งหมายถึงความคล่องตัวยิ่งขึ้น

ยกสองเรื่องเครื่องในตัดใจยากจัง

หลังจากได้ข้อสรุปภายนอกมาแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาที่ต้องเข้ามาดูสิ่งที่เราทุกคนต้องใช้กันเป็นประจำกับภายในห้อง โดยสาร ที่ ทั้ง 2 ต่างให้ความเหมือนที่แตกต่าง ที่ล้วนตอบสนองการใช้งานเหมือนๆ กัน
ครั้งนี้เรามาเริ่มจากน้องใหม่ honda Brio ที่ตอบโจทย์เริ่มต้น ด้วยการแนะนำสีเบจมาเป็นมาตรฐานในรถทุกรุ่นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบาย พร้อมมาตรฐานกุญแจ Immobilizer ในรถทุกรุ่น ที่เบาะคู่หน้าเน้นความโฉบเฉี่ยวในดีไซน์สปอร์ต ที่ตรงหน้าคนขับมีมาตรวัดแบบสปอร์ต และยังมีกระจกมองหลังแบบตัดแสงมาให้ ส่วนเบาะหลังนั้นให้ความสะดวกในแบบชิ้นเดียวปรับพับได้ที่ให้ความลงตัวพอสมควรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีมีบางอย่างที่ honda ตั้งข้อจำกัด ที่จะมอบให้เฉพาะรถรุ่น V เท่านั้น อย่างเช่นกระจกไฟฟ้า ที่รุ่นแบกับดินจะมีมาให้เพียง 2 บานหน้า ที่นอกจากนี้ระบบกันขโมย เซ็นทรัลล็อค และกระจกมองข้ามปรับไฟฟ้า ซึ่งจะถูกตัดออกไปเมื่อคุณงบน้อย
กลับกันในด้าน Nissan March แม้ข้างนอกจะดูน่ารักมากมายนั้น แต่ภายใน มาร์ชอาจทำให้คุณอึดอัดบ้างด้วยการตบแต่งสีโทนดำที่คอสปอร์ตอาจจะชอบ ที่ลงตัวด้วยมาตรวัดสไตล์อนาลอกที่ตรงหน้าคนขับ ที่มาพร้อมเบาะนั่งหลังชิ้นเดียวแบบพับได้เช่นกัน ในขณะที่หลายรุ่นนั้นยังมีเบาะนั่งแบบแยกที่พักศรีษะ ยกเว้นว่างบคุณไม่มากพอ ก็จะพบว่า เบาะนั่งเป็นแบบชิ้นเดียว (ไม่แยกพนักศีรษะ) ที่มาพร้อมกระจกปรับมือ ที่นอกจากนี้ยังขาดความครื้นเครงจากวิทยุ เช่นเดียวกับเซ็นทรัลล็อก
แม็ทช์นี้ ถือว่าสูสีกันพอสมควร ซึ่งจากที่สังเกตจะพบว่ าเมื่อคุณซื้อรุ่นโลว์สุด จะได้ กระจกปรับมือ เช่นเดียวการตัดระบบเซ็นทรัลล็อค ส่วนที่เหลือกก็เป็นรายละเอียดปลีกย่อย อย่างไฟอ่านแผนที่ แต่ที่แน่ๆ คุณจะไม่ได้เครื่องเสียงเพื่อความบันเทิงใจในรถทั้ง รุ่น อย่างแน่นอน

แมทช์ ที่ เรื่องสมรรถนะล้วนๆ งานนี้ใครฟิตกว่ากัน

ถ้าพูดถึงรถแล้วไม่กล่าวถึงเครื่องยนต์นั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแปลก เพราะนี่เป็นสิ่งที่ใครหลายคนเฝ้าถาม โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง กับรถเล็กระดับนี้ ที่เน้นให้ความประหยัดน้ำมัน ที่ทั้ง 2 นั้นต่างพุ่งเป้าการทำความประหยัดให้ได้ 20 กิโลเมตร ต่อลิตรที่สามารถลงตัวด้วยเครื่องยนตพิกัดไม่เกิน 1.3 ลิตร จึงจะเข้าตามมาตรฐานรถอีโค่คาร์
ครั้งนี้เราเปิดทางให้รุ่นพี่อย่าง Nissan march เริ่มต้นที่ออกตัวมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ฉีกแนวรถทุกรุ่นในตลาดกับครั้งแรกของเครื่อง 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ในรถยุคใหม่ที่กลับมาอาละวาดด้วยระบบแคมคู่ ให้พละกำลังจิ๊บ 78 แรงม้า เรียกแรงบิดได้มากถึง 106 นิวตันเมตร ผ่านช่วงชักแบบ under sqaure 78X83.6 มิลลิเมตร มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ด้วยการส่งกำลัง 5 เกียร์ อัตโนมือและอัตโนมัติ แบบ Xtronic CVT ที่ยกมาจากรถรุ่นใหญ่ ในขณะที่ช่วงล่างใช้แม็คเฟอร์สันสตรัททางด้านหน้า ส่วนด้านท้ายใช้ทอร์ชั่นบีม ที่ลงตัวด้วยดิสก์เบรกและดรัมเบรกทางด้านหน้าและด้านหลังตามลำดับ ส่วนพิกัดน้ำหนักเริ่มที่ 900 กิโลกรัมและสูงสุดที่ 965 กิโลกรัม
ด้าน honda Brio น้องใหม่นั้น งานนี้ดูเหมือนจะได้เปรียบมากกว่า ที่เริ่มต้น หัวใจดวงตัวในเจ้าตัวเล็กนี้ก็ยกเอามาจาก honda Jazz ที่จำหน่ายในเยอรมันกับขุมพลัง 4 สูบ แถวเรียงขนาด 1.2 ลิตร ตอบสนองยิ่งขึ้นผ่านระบบแคมเดี่ยวที่มาพร้อมเทคโนดลยี i-Vtec ให้เหยียบเป็นพุ่งทุกรอบเครื่อง ที่มาพร้อมช่วงชักเร้าใจแบบ Over Sqaure 73.0X71.6 มิลลเมตร ให้กำลัง 90 แรงม้า พร้อมแรงบิด 110 นิวตันเมตร ที่จับคู่พร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่มาพร้อมระบบ Shift hold Control ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ลื่นไหล ส่วนน้ำหนักตัวนั้นมี 925 -920 และ 950 กิโลกรัม ตามลำดับ
ในแม็ทช์นี้จะสังเกตได้ว่าเครื่องยนต์ของ Honda ทรงสมรรถนะมากกว่าเครื่องของ Nissan แต่อย่างลืมว่า Brio เป็นเครื่อง สูบแถวเรียง ในขณะที่พี่ใหญ่ March เป็นเครื่อง สูบ ที่พอมาดูแรงบิดเรากลับพบว่าต่างกัน เพียง นิวตันเมตร เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการขับสนุกแค่มองสเป็คคร่าวครั้งนี้คงต้องยกให้ honda เขาไป

ยกสุดท้ายความปลอดภัย งานนี้ ใครแน่กว่ากัน

และแล้ว เราก็มาถึงยกตัดสินที่ระหว่าง March และ Brio 2 อีโค่คาร์คู่ขวัญคนไทยนั้น ใครน่าจะคุ้มค่ากว่า และในด่านนี้ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องของความปลอดภัย ที่จะช่วยได้ เมื่อคุณเกิดเคราะห์หามยามร้ายบนท้องถนน
อีกครั้งที่ครั้งนี้ Brio น่าจะชนะไปด้วย การให้ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ที่ฝั่งคนขับมาพร้อมถึงมาตรฐานระบบ i-SRS ที่ยกมาจากรุ่นใหญ่ใส่ไว้ให้ได้อุ่นใจกันที่นอกจากนี้ ยังมีระบบเบรค ABS พร้อมกระจายแรงเบรก EBD เป็นมาตรฐานใหม่ และป้องกันเด็กเปิดประตูหลังในทุกรุ่น ที่น่าปรบมือให้ honda จริงๆ
ฝั่ง Nissan March นั้นเรื่องความปลอดภัยนี้ก็มีมาให้ด้วยรุ่นเริ่มต้นที่ถุงลมนิรภัยมีเพียงฝั่งคนขับ แต่ในรุ่นท๊อปและรองท๊อปนั้น มีให้ทางคนนั่งด้วยเช่นเดียวกับระบบเบรค ABS+EBD และเสริมความมั่นใจใน BA ก็มีมาให้แค่ 2 รุ่น เท่านั้น ส่วนป้องกันเด็กนั้นมีมาให้ทุกรุ่น แต่ตัดสินแล้วก็ยังไม่ทัน Brio อยู่ดี
ในครั้งนี้ Brio ชนะไปใสๆ อย่างเห็นได้ชัดกับเรื่องมาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัยต่อผู้โดยสาร ที่ ABS และถุงลมคู่หน้าเป็นมาตรฐานใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในรถรุ่นเล็ก

ถ้าให้เทียบระหว่าง nissan March กับ Honda Brio แล้วคงต้องกล่าวว่ามันยากที่จะตัดสินใจเลยจริง โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่เป็นรถที่หลายคนหมายปอง ที่หนึ่งก็มีกีที่ดีไซน์และความสะดวกสบาย อีกหนึ่งมีมีดีที่สมรรถนะและความปลอดภัย แต่ที่แน่ๆ คันไหนดีกว่ากันสุดท้ายผู้ซื้อก็ยังเป็นผู้เลือกอยู่ดี

เขียนเมื่อ : // 3:02 AM
หมวดหมู่:

0 comments:

Post a Comment

 
Powered by Blogger.