เมื่อพูดถึงนิสสัน จู๊ค (NISSAN Juke) แล้ว นับว่าเป็นรถยนต์ที่มีกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลก อาจด้วยเพราะความแตกต่างในด้านรูปลักษณ์ภายนอก จึงทำให้ Crossover ไซส์เล็กคันนี้ มีความโดดเด่นโดนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแตกต่างของรถอเนกประสงค์สายพันธุ์ใหม่จากค่าย NISSAN โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่นใหม่ "นิสโม" (Nismo) ที่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชื่นชอบรถยนต์ขนาดกะทัดรัดดีไซน์สปอร์ตได้เป็นอย่างดี
NISSAN Juke NISMO ทั้งแรงและหล่อเพราะอัพเกรด (ยานยนต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก nissan.co.uk
รูปร่างหน้าตาของ Juke NISMO ไม่แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดมากนัก สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ ความดุดันกับชุดพาร์ทรอบคันที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่แบบสปอร์ต โดดเด่นด้วยกระจกมองข้างสีแดง รวมถึงลวดลายบนตัวถัง ซึ่งเข้ากันดีกับบอดี้สีขาว ตำแหน่งของไฟตัดหมอกถูกเปลี่ยนเป็นแบบ LED Daytime Running Light ขนาบข้างช่องดักลมขนาดย่อม พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
NISSAN Juke NISMO มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร (ล่าสุดยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขของสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น) หมดกังวลเรื่องการออกตัวล้อฟรี ด้วยระบบควบคุมแรงบิด Torque Vectoring System อีกทั้งยังช่วยในการยืดเกาะถนน และจังหวะเข้าโค้ง
จากเคยเป็นแค่ Concept ที่ออกโชว์ตัวในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 ล่าสุด NISSAN Juke NISMO รุ่นปี 2013 ก็พร้อมบุกตลาดในยุโรปในช่วงต้นปีหน้า จากนั้นก็จะเป็นเอเชียและสหรัฐอเมริกาตามลำดับ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก nissan.co.uk
รูปร่างหน้าตาของ Juke NISMO ไม่แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดมากนัก สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ ความดุดันกับชุดพาร์ทรอบคันที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่แบบสปอร์ต โดดเด่นด้วยกระจกมองข้างสีแดง รวมถึงลวดลายบนตัวถัง ซึ่งเข้ากันดีกับบอดี้สีขาว ตำแหน่งของไฟตัดหมอกถูกเปลี่ยนเป็นแบบ LED Daytime Running Light ขนาบข้างช่องดักลมขนาดย่อม พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
NISSAN Juke NISMO มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร (ล่าสุดยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขของสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น) หมดกังวลเรื่องการออกตัวล้อฟรี ด้วยระบบควบคุมแรงบิด Torque Vectoring System อีกทั้งยังช่วยในการยืดเกาะถนน และจังหวะเข้าโค้ง
จากเคยเป็นแค่ Concept ที่ออกโชว์ตัวในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 ล่าสุด NISSAN Juke NISMO รุ่นปี 2013 ก็พร้อมบุกตลาดในยุโรปในช่วงต้นปีหน้า จากนั้นก็จะเป็นเอเชียและสหรัฐอเมริกาตามลำดับ
0 comments:
Post a Comment