Wednesday, April 10, 2013

รีวิวฮอนด้าซีวิคไฮบริด นำเทรนด์ยานยนต์รักษ์โลก

ไฮบริดเป็นอีกหนึ่งพลังงานทางเลือกที่ค่ายรถยนต์ได้นำมาใส่ไว้ในรถรุ่นต่าง ๆ มากมาย เช่นเดียวกับค่ายฮอนด้าที่ส่งน้องกลาง อย่างรุ่นซีวิค ไฮบริด เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรที่ผสานทุกการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบและตอกย้ำเทรนด์ยนตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม มีให้เลือก 2 รุ่นคือรุ่นไฮบริด ค่าตัว 1.035 ล้านบาท และรุ่นไฮบริด เนวี ค่าตัว 1.095 ล้านบาท โดย “ป้ายแดงชวนขับ” เดือน เม.ย.นี้ได้นำรุ่นไฮบริด เนวีมาเจาะลึกให้บรรดาแฟนประจำได้สัมผัสใกล้ชิดยิ่งขึ้น



การออกแบบของซีวิค ไฮบริดใหม่ใช้โครงสร้างแบบโมโนฟอร์ม ผสานดีไซน์เฉียบคมทุกเส้นสาย โดดเด่นตั้งแต่กระจังหน้า ไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมกรอบสีฟ้าใส ไฟท้ายแอลอีดีพร้อมเลนส์สีเคลียร์บลู สปอยเลอร์หลัง ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษเพื่อให้อารมณ์การขับขี่ที่สนุกคล่องตัว ดีไซน์ภายในห้องโดยสารล้ำสมัยแบบฟิวเจอริสติก มีการจัดสรรพื้นที่โดยให้ความสำคัญสูงสุดต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร



ระบบไฮบริดของซีวิค ไฮบริดทำงานแบบคู่ขนานผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 8 วาล์ว i-VTEC 1.5 ลิตร SOHC และมอเตอร์ไฟฟ้าไฮบริดแบบไอเอ็มเอ ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 132 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที และมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 23 แรงม้า ที่ 1,546-3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 500-1,546 รอบ/นาที โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนและเสริมแรงด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกตัวและเร่งแซง เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำคงที่ เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและเข้าสู่โหมดอีวี โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ช่วงลดความเร็วหรือเบรก เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและระบบไฟฟ้าจะนำพลังงานที่สูญเสียไปในขณะเบรกมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งกลับคืนสู่แบตเตอรี่เพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ต่อไป และเมื่อรถหยุดเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานอัตโนมัติและเข้าสู่โหมดไอดลิ่ง สต๊อป เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ


ซีวิค ไฮบริดยังครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่ล้ำหน้า เช่น หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะซึ่งเป็นสมาร์ท อินเตอร์เฟซที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์แบบตามความต้องการ รวมไปถึงระบบแนะนำการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ด้านความปลอดภัยนั้น ซีวิค ไฮบริดใช้โครงสร้างตัวถังแบบจี-คอนที่ช่วยลดระดับความเสียหายอันเป็นผลมาจากการชน รวมทั้งติดตั้งระบบความปลอดภัยมาตรฐานมากมาย เช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ระบบเบรกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว กล้องส่องภาพด้านหลัง และกุญแจนิรภัยอิมโมบิไลเซอร์

สำหรับสาวกฮอนด้า นอกจากจะไม่ตกเทรนด์กระแสรักษ์โลกแล้ว ค่ายฮอนด้ายังรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบเป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง รวมทั้งขยายเวลาการรับประกันแบตเตอรี่เพิ่มเป็น 10 ปี.


ลองแล้วจะรัก

คงจะไม่เกินเลยไปนักถ้าจะออกตัวแต่เนิ่น ๆ ว่ารูปร่างหน้าตาของฮอนด้า ซีวิค ไฮบริดนั้น แม้จะเก๋ไก๋แต่อาจไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นแต่ประการใดหากเทียบกับรถไฮบริดรุ่น
อื่น ๆ ที่มีความพยายามที่จะถ่ายทอดความแตกต่างของการเป็น “รถไฮบริด” ออกมาเต็มที่ผ่านทางการออกแบบที่เน้นอากาศพลศาสตร์เป็นพิเศษ

แต่สิ่งที่เป็นเพียงความรู้สึก “ผิวเผิน” จะจางหายไปเมื่อได้ทดลองใช้ และเมื่อเทียบกับฮอนด้า ซีวิค รุ่น 2.0 ลิตรอาจจะพูดได้ว่าประสบการณ์เหล่านั้นไม่ได้ต่างกันมากนัก ความต่างในด้านรูปโฉมภายนอกที่เห็นได้ชัดก็จะเป็นรายละเอียดการใช้ “สีฟ้าใส” ในส่วนของไฟหน้า ไฟท้าย และกระจังหน้าให้เรารู้ว่านี่เป็นรถ “ไฮบริด” และล้อแม็กก็เป็นล้อเฉพาะของรุ่นไฮบริด เป็นล้อลายแบนเรียบเพื่อผลด้านลดแรงต้านอากาศ ซึ่งขาแรงอาจจะไม่ชอบเพราะมีขนาดแค่ 15 นิ้ว ส่วนภายในนั้น ฮอนด้าจัดเบาะหนังสีเทาอ่อนมาให้ ที่ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ปกติที่จะเป็นสีดำหรือสีเบจ ซึ่งก็ดูแล้วให้ความรู้สึกสบาย ๆ ส่วนเบาะไฟฟ้าที่เคยเห็นในรุ่น 2.0 ลิตรก็ขาดหายไปกลายเป็นเบาะปรับแบบธรรมดาไป จะมีเพิ่มเข้ามาก็คือหน้าจอ i-MID ที่มีการแสดงผลแบบไฮบริด

แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือซีวิครุ่นปัจจุบันเป็นรถที่ให้ความรื่นรมย์ในการใช้งานได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ทุกอย่างดูจะลงตัวไปเสียหมด แม้อาจจะไม่ใช่รถที่ทำให้หัวใจเต้นแรง แต่ก็เป็นรถที่เหมาะจะเป็นเพื่อนคู่ใจไปไหนไปกันได้ยาว ๆ แสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่เหมาะเจาะในด้านการยศาสตร์ (Ergonomics) เพราะเมื่อได้ทดลองขับ สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ทันทีก็คือ “ความลื่นไหล” ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อระบบความบันเทิงและการสื่อสาร ร่วมกับการแสดงผลการทำงานของรถยนต์จากระบบ i-MID เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นไร้รอยต่อ และแน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากการเลือกใช้ระบบเกียร์ซีวีทีที่ไม่มีรอยต่อของการเปลี่ยนเกียร์ แทนที่จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะเหมือนรุ่นทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจก็คือการทำงานคู่กันของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมระบบไฟฟ้าที่มีพลังรวมเพียง 110 แรงม้า หากเทียบกับรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา 2.0 ลิตรที่มีถึง 155 แรงม้า ดูเหมือนจะต่างกันมากแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะซีวิค ไฮบริดวิ่งในแบบที่ “สุภาพชนพึงปฏิบัติ” ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่รู้สึกว่าแรงน้อยเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ระบบดับเครื่องอัตโนมัติเพื่อลดมลพิษและประหยัดเชื้อเพลิงนั้น เราจะได้เห็นมากขึ้น ๆ ในรถสมัยใหม่นั้น อาจจะทำลายสุนทรีย์ในการใช้งานไปบ้าง เพราะทุกครั้งที่เครื่องติดก็รู้สึกได้ ตรงนี้อาจจะแพ้โตโยต้า พริอุสในด้านความรื่นรมย์ไปบ้าง ส่วนยางแก้มหนาแต่แรงต้านต่ำขนาด 15 นิ้ว ทำให้การซับแรงกระแทกอยู่ในระดับ “วิ่งบนพรม”เลยทีเดียว ส่งผลให้ผู้ทดสอบเสพติดความสบายที่รถคันนี้มอบให้เข้าอย่างจัง เรียกได้ว่าเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในพิกัดเดียวกันในเรื่องนี้

แต่จุดด้อยที่ชัดเจนอีกประการคือห้องเก็บของด้านท้ายเล็กและตื้น แถมยังพับเบาะไม่ได้ ใครที่มองหารถที่จะต้องเตรียมพร้อมกับการขนของขนาดใหญ่ รถคันนี้ไม่เหมาะอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะใช้กับสัมภาระทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวันกว่า 95% คิดว่าใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา

สรุปว่านี่เป็นรถที่เหมาะจะเป็นคู่ชีวิตมากกว่าเป็นแค่ “กิ๊ก” เพราะขับสบายลดความเครียดแถมประหยัด เรียกว่าเป็นรถในชีวิตประจำวันที่ลงตัวมาก ๆ คันหนึ่งเลยก็ว่าได้.

ขับสบายประหยัดจริง

นักดริฟท์ชื่อดังจากพีทีที เพอร์ฟอร์มา ดริฟท์ ทีม เอ็ม เดอะสตาร์ หรือ อรรถพล ประกอบของ ให้ความเห็นภายหลังการทดสอบฮอนด้า ซีวิค ไฮบริดว่าการที่ฮอนด้าเลือกเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ซึ่งปกติจะอยู่ในฮอนด้า แจ๊ซหรือซิตี้มาใช้กับรุ่นซีวิค ทำให้มีความแรงน้อยลงไป ซึ่งจะไม่ทันใจช่วงเร่งแซงหรือเวลาขับในความเร็วที่สูงขึ้น และการเปลี่ยนเกียร์ D ธรรมดาค่อนข้างช้า ต้องลากรอบเครื่องสูงเรื่อย ๆ กว่าเกียร์จะเปลี่ยนเหมือนกับเครื่องยนต์พยายามเร่งความเร็วให้เร็วขึ้นแต่แรงของเครื่องยนต์กลับหมดแล้ว ถ้าปรับให้ความจุของเครื่องยนต์เยอะขึ้นน่าจะดีกว่าหรือปรับแรงม้าแทนก็คงได้ แต่จะมีผลทำให้สูญเสียความประหยัดลงไป

สำหรับจุดเด่นของซีวิค ไฮบริดอยู่ที่การประหยัดน้ำมัน โดยช่วงการออกตัวรถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขับเคลื่อนเป็นหลักเสริมด้วยพลังงานไฟฟ้า หลังจากนั้นจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้า และเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น การขับเคลื่อนจะเปลี่ยนเป็นการทำงานร่วมกันของระบบไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ นับว่าเป็นรถที่เหมาะกับการใช้ในเมือง โดยเฉพาะเวลารถติดที่มีการหยุดรถและออกตัวบ่อย ๆ ถ้าวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยไม่เกิน 60-70 กม./ชม. จะยิ่งประหยัดมาก

เอ็มบอกว่า พวงมาลัยของซีวิค ไฮบริดแบบ 3 ก้านหุ้มด้วยหนังมีการออกแบบที่แปลกตาจากตัวเก่า จับถนัดมือ มีน้ำหนักค่อนข้างเบา และตอบสนองเร็ว ซึ่งมีข้อดีเวลากลับรถตรงที่ไม่ต้องใช้แรงมาก แต่มีข้อเสียที่ต้องระวังเวลาขับเร็วเพราะรถเสียอาการได้ง่าย ต้องควบคุมพวงมาลัยอย่างมีสติ ส่วนช่วงล่างตอบสนองค่อนข้างไวทำให้ผู้ขับต้องปรับตัวนิดนึง อย่างไรก็ตาม ระบบแทร็กชั่นคอนโทรลเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเวลาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน กรณีขับบนถนนลื่น ระบบจะช่วยให้เราควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงทีและปลอดภัยมากขึ้น

“ถ้ารถยิ่งเบาก็ยิ่งประหยัดน้ำมันเพราะใช้แรงน้อยในการขับเคลื่อน สังเกตได้ว่ารถคันนี้เป็นตัวท็อปแต่กลับไม่มีเบาะที่ปรับด้วยไฟฟ้า ซึ่งปกติถ้าเป็นซีวิคตัวเก่ารุ่นท็อปจะใช้เบาะไฟฟ้า คิดว่าน่าจะเป็นเหตุผลที่ต้องการลดน้ำหนักของตัวรถลง สังเกตง่าย ๆ จากตัวเบาะมีขนาดบางกว่ารุ่นเก่าที่มีขนาดหนา ๆ เทอะทะ”

เอ็มคิดว่าหลายคนต้องปรับตัวเมื่อใช้ซีวิค ไฮบริด โดยถ้าแตะเบรกเบา ๆ จะเบรกรถไม่ค่อยอยู่ ต้องใช้แรงค่อนข้างเยอะ คาดว่าเป็นเพราะเวลาแตะเบรก ระบบไฟฟ้าในโหมดประหยัดจะทำงานเพื่อตัดกำลังของเครื่องยนต์จึงต้องใช้แรงในการเบรกค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าคนที่เป็นแฟนของฮอนด้าซึ่งเน้นในเรื่องความเร็วและขับสนุกนั้นคงไม่ถูกใจ

ภายในสวย ใช้วัสดุที่ดีไซน์ออกมาดูเรียบ ๆ อย่างคอนโซลที่ไม่ต้องใช้ลายไม้หรือหนังให้ดูหรูหรา แต่ใช้พลาสติกที่เน้นดีไซน์ เช่นสีเมทาลิก เวลาสะท้อนแสงดูสวยมาก ส่วนหน้าปัดมีฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นระบบดิจิทัลแสดงให้เห็นทั้งอุณหภูมิ ความร้อน และปริมาณน้ำมัน อยู่ตรงกลางของคนขับและมองเห็นได้ชัดเจน ฝั่งซ้ายมือของหน้าปัดเป็นตัวบอกการใช้พลังงานว่ากำลังใช้พลังงานจากเครื่องยนต์หรือไฟฟ้าเอาไว้ชัดเจน

นอกจากนี้เอ็มได้ให้คะแนนซีวิค ไฮบริดทางด้านรูปลักษณ์ภายนอก 4 ดาว เครื่องยนต์ 3 ดาวเพราะค่อนข้างอืด ช่วงล่าง 4 ดาวเนื่องจากเวลาขับบนถนนขรุขระจะมีความนุ่มนวล แต่ตอนขับเร็ว ๆ หรือเข้าโค้ง หรือเปลี่ยนเลนกะทันหัน ช่วงล่างยังนิ่ง อย่างไรก็ดีมีข้อติอยู่ที่พวงมาลัยตอบสนองเร็วไปนิดนึง ส่วนภายในให้ 4 ดาวเพราะไม่หวือหวาหรือตื่นเต้นนัก ขณะที่ฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะแต่รูปร่างหน้าตาดูเรียบไปหน่อย ฟังก์ชั่นการใช้งานให้ 4 ดาวเนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานง่ายและประหยัดแน่นอน.

มิติ (ยาว/กว้าง/สูง) 4,524/1,753/1,429 มม.
เครื่องยนต์ SOHC i-VTEC+ มอเตอร์ไฟฟ้า IMA
ความจุกระบอกสูบ 1,497 ซีซี
กำลังสูงสุด 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาทีี
แรงบิดสูงสุด 132 นิวตัน-เมตรที่ 2,800 รอบ/นาที
มอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด 23 แรงม้าที่ 1,546-3,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตรที่ 500-1,546 รอบ/นาที
เกียร์ อัตโนมัติ ซีวีที
ราคา 1,095,000 บาท

เรื่อง ลำยอง ปกป้อง

เขียนเมื่อ : // 5:29 AM
หมวดหมู่:

0 comments:

Post a Comment

 
Powered by Blogger.