
ตอนที่สองกับการทดสอบยานยนต์ประหยัดพลังงาน All New Prius Minor Change 2012 สมรรถนะ ประสิทธิภาพ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง อัตราเร่ง ความเร็วสูงสุด อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและการทำงานของระบบ Series-Parallel Hybrid...
วันที่ 15 -16 พฤษภาคม 2555 บริษัท Toyota Motor Thailand co,ltd. โดย คุณบุญชวน วิภูษณวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กรของค่ายสามห่วง เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ ร่วมลงทำการทดสอบรถยนต์ประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ All New Prius Minor Change 2012 ซึ่งการทดสอบรถยนต์พลังงาน Hybrid ในครั้งนี้ ทีม PR ของ Toyota Motor ได้กำหนดเส้นทางการทดสอบ ในรูปแบบของการขับขี่ทางไกลจากกรุงเทพมหานคร มุ่งตรงสู่เมืองพัทยาในจังหวัดชลบุรี พักหนึ่งคืนแล้วขับจากเมืองพัทยากลับสู่กรุงเทพฯ รวมระยะทางที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้กว่า 400 กิโลเมตร



11.30 น. ช่วงสายของวันอังคารที่ 15 พฤษภาคม 2555 ณ โรงแรมเรเนซองส์ ถนนสุขุมวิท หลังจากฟังบรรยายสรุปจากวิศวกรของ Toyota เกี่ยวกับข้อมูลและอุปกรณ์ใหม่ๆที่เพิ่มเติมเข้ามาในรถ New Prius Minor Change 2012 รุ่นท็อปสุดที่ใช้ในการทดสอบ เช่น การใช้อุปกรณ์ภายในรวมถึงการปรับตั้งโหมดของการขับขี่ ระบบและการทำงานของแผง Sola Roof รวมถึงการสรุปเส้นทางทั้งขาไปและขากลับแล้ว รถ Toyota New Prius Hybrid ทั้ง 8 คัน รวมรถพี่เลี้ยงของเจ้าหน้าที่ PR จาก Toyota อีก 4 คัน ก็ออกสตาร์ตจากบริเวณหน้าโรงแรมเรเนซอง สุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 4 แล้วมุ่งตรงไปยังซอยสุขุมวิท 71 ผ่านแยกคลองตันแล้วตรงไปยังถนนรามคำแหง-สุขาภิบาล 1 บางกะปิ หลังจากนั้นขบวนรถทดสอบทั้งหมด จะใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์เพื่อวิ่งเข้าไปยังเมืองพัทยา รวมระยะทางในการทดสอบการขับขี่ New Prius Minor Change 2012สำหรับวันแรกยาวประมาณ 175 กิโลเมตร โดยไปสุดเส้นทางทดสอบช่วงวันแรก ที่โรงแรมฮิลตันพัทยากลางในเวลาประมาณบ่าย 5 โมงเย็น



หลังจากที่เพิ่งจะลงทดสอบ New Camry Hybrid ไปเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ค่าย Toyota ก็จัดการเทสต์ผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลัง Hybrid รุ่นรองลงมาอย่าง New Prius Minor Change ทันที เป็นการทำตลาดอย่างต่อเนื่องในรถพลังงานผสม ที่กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบรถประหยัดพลังงาน วันนี้ผมเดินทางร่วมกับพี่บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์ นักเขียนและ บก. นิตยสาร ThaiDiver / Bestcar / Car Thai Edition ในเครือสยามสปอร์ตฯ และน้องชีพ สุชีพ มีโพนทอง จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ไม้แรกสุดเป็นหน้าที่ของพี่บอย ซึ่งจะต้องขับจากกรุงเทพฯ ลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ทีม PR ของ Toyota ที่ต้องการให้วิ่งทดสอบในเมืองเพื่อดูอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ก่อนจะลากยาวไปจนถึงเมืองพัทยา เมื่อก้าวเข้าไปนั่งในเจ้า New Prius Minor Change สิ่งแรกที่เสริมเข้ามาซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนในรุ่นสูงสุดคือหลังคาแบบ Sola Roof และ Moon Roof แบบกระจกสีเข้มสองชิ้น ภายในห้องโดยสารยังมีจอแสดงผลรวมแบบสั่งงานด้วยระบบสัมผัส รองรับการทำงานของเนวิเกเตอร์ DVD / CD/ MP3 / FM / AM / กล้องถอยหลัง ทั้งยังสามารถแจ้งเตือนการทำงานของระบบ Hybrid กับการแสดงผลของพลังงานในการกักเก็บที่แบตเตอรี่ ขนาดความกว้างของจอ 6.1 นิ้ว มาพร้อมกับรีโหมดคอนโทรลสั่งงาน ผมนั่งในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนน้อง สุชีพ มีโพนทองขอนั่งที่เบาะหลัง พื้นที่ภายในของ Prius Minor Change ยังคงมีความกว้างเท่าเดิม ซึ่งสามารถวางเท้าได้อย่างสบาย รวมถึงพื้นที่เหนือศีรษะก็ยังคงเหลืออยู่อีกพอสมควร ที่ชอบคือเบาะคู่หน้าแบบสปอร์ต ที่มีครีบด้านข้างทำให้โอบกระชับยามนั่งโดยสารหรือขับขี่



อากาศที่ร้อนอบอ้าวในช่วงบ่ายบนถนนมอเตอร์เวย์ บนจุดแวะพักของกรมทางหลวงไม่สร้างปัญหาให้กับระบบปรับอากาศของ Prius Minor Change รุ่นท็อปสุดแม้แต่น้อย หลังคาแบบ Sola Roof ยังทำหน้าที่สำรองพลังงานไฟฟ้าไปเลี้ยงระบบปรับอากาศ เมื่อเปิดการใช้งานด้วยรีโหมดคอนโทรลก่อนที่จะขึ้นรถ ระบบดังกล่าวทำให้การจอดรถตากแดดแล้วกลับขึ้นไปนั่ง มีความสะดวกสบายมากขึ้น อุณหภูมิของห้องโดยสารที่สัมผัสกับแสงแดดอันร้อนแรงของประเทศไทย จะถูกลดระดับลงด้วยระบบปรับอากาศ (พัดลม) ที่ทำงานแยกส่วนจากเครื่องยนต์โดยสิ้นเชิง แผง Sola Roof จะนำเอาพลังงานความร้อนที่ได้รับจากแสงอาทิตย์ ไปแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า เพ่ือใช้ในระบบปรับอากาศโดยไปเลี้ยงมอเตอร์ของพัดลมภายในห้องโดยสาร นวัตกรรมดังกล่าวยังแสดงถึงความใส่ใจในการใช้งานของลูกค้าที่นิยมรถ Hybrid ซึ่งค่าย Toyota เป็นผู้นำในการทำตลาดอยู่ในห้วงเวลานี้
ระบบ Sola Powered Ventilation ออกแบบมาเพื่อระบายความร้อนที่สะสมภายในห้องโดยสาร ด้วยอุปกรณ์หลัก 2 ส่วนคือ แผง Sola บนหลังคาและ Blower หรือพัดลมของระบบปรับอากาศ มันจะทำงานได้ถึงแม้กุญแจจะอยู่ในตำแหน่ง Off และตัวรถถูกล็อกประตูทั้งหมด เริ่มต้น แผง Sola Roof จะรับพลังงานจากการแผ่รังสีความร้อนของดวงอาทิตย์ แล้วแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งไปหมุน Blower โดยตรงเพื่อดูดอากาศจากภายนอกผ่านเข้ามาในห้องโดยสาร แล้วปล่อยออกไปที่ส่วนท้ายของตัวถัง เมื่อเกิดการหมุนเวียนของมวลอากาศ ก็จะช่วยลดความร้อนที่สะสมอยู่ในห้องโดยสาร ระบบดังกล่าววิศวกรของ Toyota ได้ทำการทดสอบในยุโรปแล้วพบว่า ในสภาวะแดดจัด ระบบ Sola Powered Ventilation สามารถรักษาอุณหภูมิของห้องโดยสารให้คงที่ในระดับ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งมันจะทำงานโดยไม่เกี่ยวข้องกับการดึงเอาประจุไฟในระบบ Hybrid ออกมาใช้งาน และหากแผง Sola Roof สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าได้เกินความต้องการของพัดลม Blower ระบบจะป้อนพลังงานกลับไปเก็บในแบตเตอรีของ Prius ได้อีกด้วย



ภายใต้ฝากระโปรงมีเครื่อง 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE ซึ่งถูกออกแบบให้มีการทำงานในรอบต่ำเพื่อประหยัดเชื้อเพลิง ระบบ Atkinson cycle ของ Toyota ยังสามารถทำให้อุณหภูมิของเครื่องขึ้นถึงจุดที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว แถมยังลดอุณหภูมิในระหว่างการเดินทางไกล เมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วคงที่ ซึ่งจะส่งผลไปถึงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นอีกด้วย ในโหมด ECO จะเป็นการผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า สำหรับการสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Start สีฟ้า คุณอาจแปลกใจที่มันเงียบผิดปกติจนดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงแค่จอแสดงที่ติดขึ้นมาให้รับรู้ว่า ตัวรถพร้อมที่จะทำงานแล้วเท่านั้น เมื่อกดคันเร่งมันจะเคลื่อนตัวออกไปด้วยความเงียบ เกิดจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนเครื่องยนต์ในช่วงของการออกตัว จนเมื่อวิ่งไปได้สักครู่ เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ เมื่อเซ็นเซอร์ของมันจับได้ว่าพลังงานในแบตเตอรี่ใกล้หมดลง การติดๆ ดับๆ จะเกิดขึ้นตลอดสำหรับการขับขี่ใช้งานเจ้า New Prius โดยที่ผู้ขับแทบจะไม่รับรู้การทำงานของระบบ Hybrid ดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและนิ่มนวล เครื่องยนต์เบนซินรหัส 2ZR-FXE ระบบ Atkinson cycle ของ Toyota ตัวนี้ ยังใช้ปั๊มน้ำแบบไฟฟ้าแทนการใช้ปั๊มน้ำแบบกลไก ช่วยในการลดการเสียดสี ซึ่งเป็นการสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทาน และตามมาด้วยตัวเลขที่ดีขึ้นด้านอัตราความประหยัดเชื้อเพลิง



เครื่องยนต์จะถูกเสริมแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทันทีที่ผู้ขับกดคันเร่งเพื่อแซง หรือต้องการใช้ความเร็วในการขับขี่ ในโหมด ECO เมื่อกดคันเร่งการตอบสนองจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป คันเร่งมีอาการค่อนข้างยืดหยุ่น เกิดจากการทำงานของชุดคันเร่งไฟฟ้าแบบ drive by wire ซึ่งใช้เซนเซอร์เชื่อมต่อกับโหมดการขับทั้ง 3 แบบ เช่น EV / ECO / Power ในโหมด EV เมื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าจนเต็มแบตฯ แล้ว เจ้า New Prius จะสามารถวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 45-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร หลังจากนั้นเครื่องยนต์จะติดตัวเองขึ้นแบบอัตโนมัติ แล้วรับหน้าที่ขับเคลื่อนต่อไปพร้อมกับชาร์จประจุกระแสไฟฟ้า เข้าไปกักเก็บยังแบตเตอรี่ด้านหลัง หมุนเวียนอยู่แบบนี้ตลอดการขับขี่ใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบปกติโดยสิ้นเชิง การสลับสับเปลี่ยนการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า เกิดขึ้นอย่างนิ่มนวลจนแทบจะไม่รู้สึก มีเพียงแค่จอแสดงผลบนหน้าปัดเท่านั้น ที่บ่งบอกว่ามันกำลังทำงานด้วยระบบใด ความเงียบของเจ้า Prius เมื่อขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ระมัดระวังคนเดินเท้า รวมถึงคนขี่จักรยานที่อาจไม่ได้ยินเมื่อคุณขับตามหลังอีกด้วย



ผมกับเพื่อนร่วมอาชีพสื่อมวลชนสายยานยนต์ เดินทางมาถึงยังตัวเมืองพัทยาเอาเมื่อเกือบ 5 โมงเย็น หลังจากนั้นจึงเข้าพักในโรงแรมฮิลตันพัทยา 1 คืน เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นหน้าที่ของ สุชีพ มีโพนทอง จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ รับหน้าที่หวดเจ้า New Prius แบบม้วนเดียวในช่วงสายของวันที่ 18 พฤษภาคม ตรงดิ่งเข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถทดสอบหมายเลข 5 คันที่ผมใช้เดินทางในช่วงขามา พี่บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์ จับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง จากการขับแบบปกติธรรมดาที่มนุษย์ทั่วไปใช้ในการเดินทาง โดยได้ตัวเลขของความประหยัดที่ 5.4 ลิตร ต่อระยะทางถึง 100 กิโลเมตร บนความเร็วเดินทางในระดับ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง น้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมมาเต็มในตอนขามา เมื่อวิ่งเข้าสู่หน้าโรงแรมเรเนอซองส์ในวันขับกลับ ยังคงเหลืออีกกว่าค่อนถัง เมื่อเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง สำหรับการทดสอบทั้งสองวันบนระยะทางเกือบๆ 400 กิโลเมตร เจ้า New Prius ได้ตัวเลขประมาณ 21.3 กิโลเมตรต่อลิตร นับว่าประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว หลังจากส่งน้องสุชีพ มีโพนทอง ที่ด้านหน้าของโรงแรมแล้ว ผมกับเจ้า New Prius ยังต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันอีก 1 อาทิตย์เต็มๆ กับการวิ่งทดสอบการใช้งานภายในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร



วันรุ่งขึ้นผมนำเจ้า New Prius Minor Change 2012 ออกวิ่งทดสอบสภาพการขับขี่ภายในเมือง โดยใช้เส้นทางทั้งบนทางยกระดับและทางราบรอบๆ เขต กทม. ฝั่งตะวันออก โดยเริ่มจากย่านลาดพร้าวไปยังถนนเกษตรนวมินทร์ ออกสู่ถนนสุขาภิบาล 1 วกไปวนมาแถบบางกะปิ แล้วข้ามไปยังถนนรามคำแหงในช่วงเช้าที่มีการจราจรติดขัด เพื่อทดสอบการทำงานของระบบ Hybrid สำหรับการขับขี่ท่ามกลางสภาพรถที่หนาแน่น เจ้า New Prius Minor Changeในโหมด ECO ยังคงมอบความประหยัดอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเริ่มเบื่อกับความเงียบในโหมด EV กับ ECO ผมลองปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ของมันเข้าสู่โหมด Power เพื่อรีดเค้นสมรรถนะของตัวรถ การตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้าจะถูกเพิ่มระดับขึ้นอีก 25% ตามการคำนวณและปรับตั้งมาจากโรงงาน ในโหมด Power นั้น คันเร่งให้ความรู้สึกแทบจะไม่แตกต่างจากรถยนต์แฮตซ์แบค 5 ประตูเครื่องยนต์ 1,800 ซีซีทั่วๆ ไป กำลัง 134 แรงม้าเมื่อมันทำงานพร้อมกันทั้ง 2 ระบบ (เครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า) มีทั้งความกระฉับกระเฉงและว่องไว พวงมาลัยสื่อสารกับคนขับได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้มันจะมีช่วงล่างที่ค่อนข้างจะออกไปในแนวทางแข็งๆ อยู่บ้าง แต่การยึดเกาะกับผิวถนนด้วยยางลดแรงต้านทานรุ่น Excellence ของ Goodyear ขนาด 195/65/R15 ตอบสนองกลับคืนมาสู่พวงมาลัย ให้รู้สึกมั่นใจได้แทบจะไม่แตกต่างจากแฮตซ์แบค 5 ประตูของยุโรปบางยี่ห้อ แม้มันจะไม่ไช่รถที่ออกแบบมาเพื่อเอาไว้ทำความเร็ว แต่โหมด Power กลับมอบอารมณ์และความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 1,800 ซีซี อย่างชัดเจนและแจ่มแจ้ง



เจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Prius ในโมเดล Minor Change ไม่ไช่รถที่เหมาะกับการใช้งานในเมืองแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป การวิ่งด้วยความมั่นคงบนทางไฮเวย์ ได้พิสูจน์ตัวมันเองอย่างเด่นชัดถึงประสิทธิภาพของระบบ Hybrid ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 2ZR-FXE Atkinson cycle ได้อย่างโดดเด่น อุปกรณ์แยกกำลัง Power Split Device ทำหน้าที่ของมันในการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ชุด Power Control Unit จะรับหน้าที่ควบคุมไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่ รวมถึงกระแสไฟฟ้าแบบสลับ จากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเจเนอเรเตอร์ มันสามารถขยายกำลังไฟจากแบตฯ ลิเธี่ยม ไอออนได้สูงถึง 650 โวลต์ เพื่อป้อนพลังงานให้กับชุดมอเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อน นี่คืองานวิศวกรรมจักรกล ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีของการขับเคลื่อนยุคใหม่จากค่าย Toyota ซึ่งกำลังเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบปกติ และกินเชื้อเพลิงมากกว่าเยอะ กำลังจากเครื่อง 1.8 สามารถดึงออกมาใช้งานได้ในทุกห้วงเวลาที่ฉุกเฉิน มันอาจไม่ไช่รถที่เร็วเหมือน Altis 1.8 หรือแม้แต่ Ford Focus 1.8 แต่เจ้า Prius ในโมเดล Minor Change ก็มีความเร็วพอที่จะเอาตัวรอดได้ ในสถานการณ์ที่ต้องการกำลังในการเร่งแซง ทั้งบนทางไฮเวย์และตรอกซอกซอยแคบๆ ทั่วกรุงเทพฯ



การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจ แม้วัสดุที่ใช้ประกอบเป็นภายในของเจ้า New Prius ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวัสดุวัสดุสังเคราะห์พวกพลาสติกรีไซเคิล มีเพียงเสียงยางที่ดังลอดเข้ามาให้พอได้ยิน ในย่านความเร็วสูงเท่านั้น ส่วนเสียงลมที่ปะทะกับตัวถังนั้นแทบจะไม่ได้ยินกันเลยทีเดียว ขั้นตอนของการทดสอบในอุโมงค์ลม เมื่อมันยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาเมื่อกว่า 3-4 ปีก่อนหน้าที่จะออกวางขาย ส่งผลให้การวิ่งปะทะกับกระแสลมมีความลู่ลมสูงกว่าปกติ การออกแบบตัวถังทรงลิ่มท้ายตัด ทำให้ค่าสัมประสิทธิแรงต้านทานของอากาศที่เข้ามากระทำกับตัวรถ มีความสมบูรณ์แบบและลงตัว ด้วยค่าแรงต้านทานอากาศเพียง 0.29 รวมถึงการปล่อยก๊าซ CO2 เพียงแค่ 89 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตรก็ยังต่ำสุดๆ และดีกว่ามอเตอร์ไซค์บางรุ่นด้วยซ้ำ คุณจะกลายเป็นพวกกรีนพีซไปโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อขับขี่เจ้า Prius ไปท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่กำลังเสื่อมโทรมลง จากการใช้งานเครื่องจักรกลของมนุษย์ ที่ปล่อยมลพิษออกสู่บรรยากาศมานานนับร้อยปี



วิศวกรของ Toyota ได้เพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง เพื่อป้องกันอาการบิดตัว และเพิ่มความรู้สึกที่มั่นคงให้กับการขับขี่ควบคุม พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ของมันออกมาในแนวทางที่ค่อนข้างเป็นกลาง ตอบสนองต่อการหักเลี้ยวไวๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว แม้ความรู้สึกกระด้างของระบบรองรับจะปรากฏออกมาให้รับรู้ได้บ้าง ในบางจังหวะที่วิ่งผ่านหลุมบ่อหรือรอยต่อของถนนที่มีผิวไม่เรียบ ผมไม่แนะนำให้เจ้าของรถ Prius ทำการเปลี่ยนกระทะล้อให้มีขนาดที่ใหญ่โตขึ้นเพื่อความสวยงาม ขนาดที่ใหญ่ขึ้นของล้อและยาง จะกลายเป็นแรงต้านทานที่เพิ่มขึ้น เมื่อหน้ายางมีความกว้างกว่ายางมาตรฐานจากโรงงาน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง



สิ่งที่ผมชอบมากคือชุดเครื่องเสียงของ New Prius ในรุ่นสูงสุด ซึ่งอยากให้ท่านที่สนใจ ได้ทดลองฟังก่อนการตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะร่วมทางไปกับมัน เครื่องเสียงและลำโพงรวมถึงกำลังขับมหาศาลจาก Amplifier ของ JBL ให้คุณภาพของเสียงในระดับที่ดี พลังขับอันเหลือเฟือ อาจทำให้คุณต้องแปลกใจและคล้ายกับการนั่งฟังดนตรีในสตูดิโอ หรือเหมือนกับกำลังอยู่ในดิสโก้เทค ลำโพง JBL 8 ทิศทางเปล่งเสียงที่เต็มไปด้วยพลังหากหูคุณทนทานพอ มันจะอัดเสียงเพลงโดยเฉพาะเบสออกมา จนทำให้คอนโซลถึงกับกระพือสั่นสะเทือนได้ง่ายๆ จากกำลังขับอันบ้าคลั่งที่เจ้าของรถไม่ต้องไปดิ้นรถหาติดเพิ่มเติมให้เสีย เงินอีกต่อไป เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมกำลังหลงไหลได้ปลื้ม กับเครื่องเสียงของ Harman Kardon ในรถ MINI Cooper Clubman พอมาถึงวันนี้กับชุด Amplifier และลำโพงของ JBL บนเจ้า New Prius กลับยิ่งทำให้การขับรถทดสอบท่ามกลางเสียงเพลงแนว Trance มีความสมบูรณ์จนยากที่จะลืมเลยทีเดียว



อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ที่วิศวกรของ Toyota เคลมว่ามันใช้เวลาตะกายจากจุดหยุดนิ่งไปถึงความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 10.4 วินาที แต่ผมลองใช้ Chronometer วัดดูปรากฏว่าได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกันที่ 11.03 วินาที รวมถึงความเร็วสูงสุดปลายคันเร่งแตะระดับ 182 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 25.6 กิโลเมตรต่อลิตรนั้น อาจต้องใช้คันเร่งกันอย่างระมัดระวัง โดยไม่กดลงลึกหรือรักษาระดับของกราฟ ECO บนจอ MID ไม่ให้เลยขีดกึ่งกลาง สำหรับการขับขี่แบบปกติในการทดสอบได้ตัวเลขที่ 21.8 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งใช้การขับขี่ทั่วไปไม่ได้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้คันเร่งเพื่อ ประหยัดเชื้อเพลิง หลังจากใช้เวลาอยู่ร่วมกันมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ ช่วงใกล้ค่ำของวันสุดท้ายก่อนที่ผมจะส่งมอบรถคืนให้กับเจ้าหน้าที่ของ Toyota ในเช้าวันรุ่งขึ้น ผมพามันออกไปเก็บภาพในตอนเย็น ด้วยการขับมันไปช้าๆ ท่ามกลางสภาพแสงที่ใกล้หมดลง รถ New Prius Minor Change 2012 ที่กำลังทำตลาดอยู่ในเวลานี้คืออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับท่านที่ต้องการรถยนต์ ประหยัดพลังงาน จากสภาพการณ์ที่แท้จริงของราคาเชื้อเพลิงที่นับวันจะพุ่งสูงขึ้นและไม่มีทาง ที่มันจะกลับมาถูกลงเหมือนเดิมอีกแล้ว มันประหยัด ปล่อยมลพิษน้อยว่ารถยนต์อื่นๆ ขับได้ดีและตอบสนองได้ในระดับที่น่าพึงพอใจเมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับ ราคาค่าตัว หากคุณยังกังวลเกี่ยวกับชุดแบตเตอรี่ราคาแพงของมัน ทาง Toyota เอง ก็ยืนยันและรับประกันอายุการใช้งานของชุดแบตฯไว้ค่อนข้างยาวนาน ลองไปขับทดสอบด้วยตัวของคุณเองดูว่า เจ้ารถพลัง Hybrid คันนี้ เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณหรือไม่ สำหรับผมแล้ว ตลอดระยะเวลา 7 วันที่ได้สัมผัสกับ New Prius Minor Change 2012 คือช่วงเวลาพิเศษที่แสนสั้นและจบลงอย่างมีความสุข มันคือรถทดสอบอีกคันที่ขับได้ดีอย่างที่คุยเอาไว้จริงๆ.
Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
0 comments:
Post a Comment