ทดสอบเต็มรูปแบบกับ New Toyota Prius Minor Chang 2012 ตอนแรกกับการรีวิว รูปทรงของตัวถัง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งภายในและภายนอก การทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ Hybrid...
นับจากรถ Prius รุ่นแรกสุดออกวางขายในปี ค.ศ. 1997 จนถึงรุ่นปัจจุบันในปี 2012 Toyota สามารถสร้างยอดตัวเลขของการจำหน่ายกว่า 1.2 ล้านคัน และหากนับรวมเอาจำนวนรถยนต์แบบ Hybrid ทุกรุ่นที่บริษัท Toyota เคยผลิตออกขาย จะทำให้ค่ายสามห่วงขึ้นเป็นผู้นำอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วย จำนวนของรถยนต์เครื่องยนต์ลูกผสมแบบ Hybrid กว่า 1.7 ล้านคัน ซึ่งช่วยทำให้การปล่อยก๊าซ Co2 ลดลงถึงกว่า 9 ล้านตันทั่วโลก

รถ Toyota New Prius Model 2010-2012 มีพลังเพิ่มขึ้น 35% ลดการปล่อย Co2 ลงอีก 25% รวมถึงประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นอีก 23% เมื่อเทียบกับรุ่นแรกสุด รถยนต์พลังงานผสม Prius คือผู้ริเริ่มและบุกเบิกนวัตกรรมยานยนต์ประหยัดพลังงานสองรูปแบบ ที่หลายค่ายต้องนำไปลอกเลียนแบบ ระบบขับเคลื่อน Series-Parallel hybrid ของมันนับเป็นอีกหนึ่งงานวิศวกรรมยานยนต์ที่เหมาะสมกับปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบปกติ Toyota พัฒนาระบบนี้อย่างเข้มข้น เพื่อทำให้มันขับเคลื่อนได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ความเร็วต่ำกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Prius สามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานจากมอเตอร์ล้วนๆ จนกว่าไฟจะหมดแบตฯ หลังจากนั้นเครื่องยนต์จะเข้ามารับหน้าที่แทน โดยจะขับเคลื่อนตัวรถ ไปพร้อมๆ กับการชาร์จประจุ กักเก็บกระแสไฟฟ้ากลับคืนสู่แบตเตอรี่อีกครั้ง หมุนเวียนไปตลอดการขับขี่ใช้งาน วิศวกรของค่ายสามห่วงเคลมว่า เมื่อมันชาร์จไฟจนเต็มที่แล้ว จะวิ่งได้ด้วยความเร็วไม่เกิน 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ไกลประมาณ 2 กิโลเมตรพร้อมกับเสียงการทำงานที่เงียบสนิท



รุ่นใหม่ล่าสุดของ Toyota Prius โมเดล 2012 ถูกเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม 2555 โดยทางค่าย Toyota Motor Thailand co,ltd ส่งรถพลัง Hybrid ยอดนิยมรุ่นนี้ลงทำตลาดอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับ New Camry Hybrid และนำเอานวัตกรรมของรถยนต์ประหยัดพลังงานยุคใหม่มาเป็นจุดขาย มันคือผู้นำด้านรถยนต์พลังงานผสมที่มียอดขายสูงกว่าคู่แข่ง และได้กลายเป็นยนตรกรรมสีเขียว แนวอนุรักษ์สภาพแวดล้อมที่ปล่อยมลพิษต่ำ สมรรถนะด้านการขับใช้งานที่เพิ่มขึ้น มีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ จากการออกแบบรูปทรงของตัวถังและประหยัดเชื้อเพลิงอย่างสูงสุด และนี่คือที่มาของรถยนต์พลังงานผสม ที่สร้างความพึงพอใจจากการขับขี่ได้ดีที่สุดในยุคนี้
ด้วยความกว้าง 1,525 มิลลิเมตรของฐานล้อหน้า ยาว 4,460 มิลลิเมตรและสูง 1,490 มิลลิเมตร ช่วยทำให้รถยนต์พลังงานผสมคันนี้ดูอวบอ้วนมากกว่าความเป็นจริง ความต้องการให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศต่ำกว่าปกติ บีบบังคับให้รูปทรงของมันออกมาอย่างที่เห็น วิศวกรผู้ออกแบบ Mr Akihiko Otsuka เน้นไปที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนที่ โดยวางตำแหน่งการขับเอาไว้แทบจะกึ่งกลางของตัวรถ รูปทรงของตัวถังมีค่า CD น้อยลงกว่ารุ่นที่สอง รวมถึงชิ้นหลังคาแก้วในโมเดลไมเนอร์เชนจ์ ส่วนภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกถึงความสมดุลที่ดี ระหว่างรถยนต์แห่งอนาคต กับรถที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โทนสีเข้มสลับเทาช่วยทำให้ห้องโดยสารมีความผ่อนคลาย เบาะหนังนั่งสบายในทุกตำแหน่ง พื้นที่เหนือศีรษะมีมากพอ การใช้โทนสีเข้มสลับอ่อน ช่วยทำให้บรรยากาศภายในดูเบาสบายตาและสว่างมากขึ้น แด็ซบอร์ดผลิตจากวัสดุ Ecological Plastic (ทำมาจากพืชแล้วขึ้นรูปด้วยการฉีดแม่พิมพ์) อาจมีความแตกต่างไปบ้างจากพลาสติกทั่วๆไป ในเรื่องของมุมมองและผิวสัมผัส วัสดุ Ecological Plastic สามารถนำไปผ่านกระบวนการย่อยสลายแล้วนำกลับมาใช้ได้ใหม่ซึ่งตรงตาม Concept ของการอนุรักษ์พลังงานที่เป็นจุดขายของเจ้า New Prius



Toyota Prius คันแรกออกขายในปี 1997 จวบจนมาถึงรุ่นปัจจุบันในเจนเนอเรชั่นที่ 3 กับโมเดล Minor Change ของปี 2012 ที่คล้ายคลึงกันทั้งในยุโรป อเมริกา รวมถีงในเอเชีย โดยภาพรวม Toyota ยังคงรูปทรงของตัวถังเดิมเอาไว้ แต่เปลี่ยนแปลงระบบบริหารพลังงานให้ดีขึ้น ปรับเปลี่ยนชุดไฟหน้าและไฟท้ายใหม่หมด รวมถึงกระจังหน้าและไฟตัดหมอกที่คมเข้มขึ้นมาอีกนิดหน่อย รูปทรงแบบลิ่มมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ 0.25 อากาศพลศาสตร์ที่ผ่านการพัฒนามาเป็นอย่างดี ทำให้มันมีความลู่ลม ซึ่งส่งผลไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น สปอยเลอร์หน้ายังฝังชุดมอเตอร์ฉีดน้ำ เพื่อทำความสะอาดโคมพลาสติกโพลิเมอร์ของไฟหน้า ไฟหน้าใน Prius Minor Change 2012 มีรูปแบบที่เปลี่ียนไปจากโมเดล 2010 ใช้หลอดไฟแบบ LED เพื่อการกระจายแสงสว่างที่ให้มุมมองดีกว่าไฟแบบฮาโลเจน พร้อมด้วยระบบเปิด-ปิดไฟหน้าและปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ



หลังคาแบบกระจก Moon Roof ผสมหลังคากักเก็บพลังงาน Solar Roof คือสิ่งที่วิศวกรของค่ายสามห่วงเพิ่มเติมเข้ามาในรุ่น Minor Change ปี 2012 มันคือระบบ Solar Ventilation System ที่ช่วยระบายอากาศร้อนภายในห้องโดยสารขณะจอดตากแดด ลดอุณหภูมิของห้องโดยสารจากการสั่งงานที่รีโมตคอนโทรล ช่วยให้การใช้งาน ท่ามกลางสภาพอากาศแบบเมืองร้อนของประเทศไทยมีความสะดวกสบายขึ้น แผงหลังคา Solar Ventilation System จะรับพลังงานโดยตรงจากแสงอาทิตย์ และแปรพลังงานที่ได้เป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงการทำงานของพัดลม ด้วยระบบที่แยกกันจากการใช้เชื้อเพลิงอย่างสิ้นเชิง ทำให้มันมีตัวเลขการสิ้นเปลืองที่น่าทึ่งมาก ทรงด้านข้างตัวถังแบบลิ่มคล้ายกับรถ Concept Car สมัยใหม่ รถ Prius Minor Change 2012 ใช้ล้อแม็กอัลลอยขนาด 15 นิ้ว ห่อหุ้มด้วยยางลดแรงต้านทานกับผิวถนนยี่ห้อ Goodyear รุ่น Excellence ขนาด 195/65R15 ทั้ง 4 ล้อ วงล้ออัลลอยสีดำลายห้าก้านยังทำเท่ ด้วยการแปะพลาสติกสีเงิน เพื่อลดการหมุนวนของอากาศเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง



ทรงตันทึบของบั้นท้ายใน Prius Minor Change ดูดีด้วยกระจกบานหลังแบบสองชิ้น มีครีบสปอยเลอร์หลังกั้นกลาง กระจกบานหลังแบบแฮตช์แบคยังใช้ความลาดเอียงสูงสุด เพื่อทำให้อากาศไหลผ่านได้อย่างมีระเบียบ ไฟท้ายแบบใหม่ยังคงใช้หลอดไฟแบบ LED อยู่ในกรอบไฟท้ายพลาสติกสีขาว เงิน และแดงที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้ตัว 2010 ไฟเบรกดวงที่สามวางตัวอยู่กึ่งกลางของชิ้นสปอยเลอร์หลัง รูปทรงแบบเหลี่ยมของบั้นท้ายเจ้า Prius Minor Change ยังเข้ากับสปอยเลอร์หลังที่มีแผ่นพลาสติกสะท้อนแสง ส่วนไฟถอยไม่ต้องตกใจว่าหลอดขาดเนื่องจาก Toyota ติดตั้งไฟถอยในตำแหน่งไฟท้ายด้านซ้ายเพียงที่เดียวเท่านั้น ประตูฝาท้ายเปิดออกได้ด้วยมุมที่สูง ช่วยให้การขนสัมภาระมีความสะดวก ฝาท้ายประทับตรา Hybrid Synergy Drive สีเงิน-ฟ้า กับโลโก้ Toyota สีเงินพื้นฟ้า ที่บ่งบอกตัวตนว่ามันคือยานยนต์พลังงานผสมสุดฮิตของค่าย toyota



ภายในของ Prius Minor Change รุ่นท็อปคันทดสอบมีพื้นที่เท่าเดิม เบาะคนขับปรับตั้งสูงต่ำ-ใกล้-ไกลได้ 8 ทิศทางด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหน้านั้น ยังคงใช้การปรับแบบแมนนวล หรือปรับตั้งด้วยมือโดยไม่สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้ เบาะทุกตำแหน่งหุ้มหนังแท้สีเทา-ดำเย็บด้ายสีขาวแบบตะเข็บคู่ คอนโซลและชิ้นส่วนบางชิ้นภายในห้องโดยสาร ใช้วัสดุรีไซเคิลทำจากพืชหรือ Ecological Plastic ขึ้นรูปด้วยการฉีดลงแม่พิมพ์แบบแรกของโลก วิศวกรของ Toyota แจ้งว่าวัสดุที่ทำมาจากพืชได้มาจากป่าปลูก ดูแปลกตาด้วยลวดลายผิวพื้นที่คล้ายกับเส้นใย ที่โดดเด่นในโมเดล Minor Change คือจอแสดงผลระบบสัมผัส ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลายขึ้นมากกว่ารุ่นที่แล้ว (เฉพาะรุ่นสูงสุด) จอ DVD-AVN พร้อมด้วยระบบนำทางด้วยดาวเทียม หน้าจอ LCD ให้ความคมชัดสูงมีขนาด 6.1 นิ้ว มาคู่กับรีโมตคอนโทรล สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอกด้วยช่อง AUX-USB และระบบ Bluetooth จอดังกล่าวยังทำงานร่วมกับเกียร์ถอย ด้วยการใช้เป็นมอนิเตอร์ให้กับกล้องถอยหลัง และสัญญาณเสียงเมื่อเข้าใกล้วัตถุกีดขวาง



พวงมาลัยสี่ก้านหุ้มหนัง มีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง ปรับตั้งทริปมิเตอร์และปุ่มปรับระบบปรับอากาศ ซึ่งมองเห็นได้จากจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Advanced Multi-information Display -MID แบบออฟติรอนเรืองแสง แสดงผลการขับขี่ทุกโหมด ระบบของพลังงาน การชาร์จแบตเตอรี่ ระดับเชื้อเพลิง โหมดการทำงานของระบบ Hybrid Energy Monitor โหมดแสดงผลการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือ Hybrid System Indicator โหมดแสดงแผลอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Consumption Record ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์สีฟ้า และก้านปรับตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ระบบ Head-up Display ยิงตัวเลขความเร็วของรถ สะท้อนขึ้นไปยังตำแหน่งกระจกหน้า โดยที่ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน




คันเกียร์ออโต้ E-CVT Electronic Gear Shift คล้ายกับจอยสติ๊กซึ่งใช้การดันไปในตำแหน่งที่ต้องการ ระบบส่งกำลังที่สั่งการด้วยไฟฟ้าของ Prius Minor Change ยังคงเหมือนกับรุ่นที่แล้วทั้งหัวเกียร์และซุ้มเกียร์ ที่ออกแบบให้กั้นกลางห้องโดยสารแบบแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน ส่วนลำโพงของ Prius Minor Change วางลำโพงคุณภาพสูงพร้อมเพาเวอร์แอมป์ของอเมริกันยี่ห้อ JBL ถึง 8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่นท็อปสุด) ใกล้กับซุ้มเกียร์มีปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกสามโหมดคือ Power Mode เมื่อต้องการอัตราเร่งและกำลัง ECO Mode ใช้ขับขี่แบบประหยัด และ EV Mode ที่ใช้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ในการขับเคลื่อน (หากเแบตเตอรี่ใกล้หมดไฟ ระบบจะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำงานโดยอัตโนมัติ) ส่วนระบบเกียร์ทดกำลังหริือ Reduction Gear ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงบิดให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานอย่างนิ่มนวลในการเปลี่ยนอัตราทด อุปกรณ์แยกกำลังหรือ Power Split Device ทำหน้าที่ผสานกำลังของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า




เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE Atkinson Cycle เป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อน และการหมุนเจนเนอร์เรเตอร์สำหรับผลิตกระแสไฟ เพื่อประจุเข้าสู่แบตเตอรี แล้วนำไปใช้หล่อเลี้ยงมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นต้นกำลังเสริม มอเตอร์จะเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี ให้แปรเปลี่ยนมาเป็นพลังงานกล ในรูปของแรงบิด เพื่อช่วยเครื่องยนต์ทำการขับเคลื่อนตัวรถในบางสถานการณ์ เช่น ในขณะที่กำลังออกตัวด้วยรอบต่ำ หรือเมื่อผู้ขับต้องการเร่งแซง ทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตในขณะที่ทำการสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยสวิตช์สตาร์ต จุดเด่นของมอเตอร์ใน New Prius คือสามารถสร้างแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่มันเริ่มหมุน ส่วนเจนเนอร์เรเตอร์ ทำหน้าที่แปรเปลี่ยนพลังงานกล จากการหมุนมาเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อทำการประจุกระแสไฟเข้าสู่ตัวแบตเตอรี่ หรือส่งกระแสไฟตรงๆ ไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าก็ได้


เครื่องยนต์ รหัส 2ZR-FXE Atkinson Cycle ตัวนี้ มีการทำงานของการจุดระเบิดที่พัฒนาขึ้นอีกระดับ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนของย่านกำลัง อัด โดยใช้ระบบวาล์วแปรผันแบบ VVT-i ทำงานร่วมกันกับระบบ EGR-Exhaust Gas Recirculation เพื่อนำเอาไอเสียบางส่วนที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ มาวนเข้าสู่ห้องเผาไหม้แล้วสันดาปอีกครั้ง ปั๊มน้ำของเครื่อง 2ZR-FXE ใช้ปั๊มไฟฟ้าแทนสายพานและมีน้ำหนักเบากว่า สามารถทำการหล่อเย็นให้กับทุกระบบของเครื่องยนต์ แม้เครื่องจะหยุดทำงานด้วยระบบ Stop-Start ก็ตาม ระบบ Hybrid Synergy Drive ใน New Prius ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า+เกียร์ E-CVT+Power Control Unit ที่ติดตั้งอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า ส่วนท้ายของ Prius เป็นชุดแบตเตอรี่ Hybrid พร้อมชุดควบคุมอุณหภูมิ เพื่อทำให้ตัวแบตฯ สามารถจ่ายไฟได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสภาพอากาศ สิ่งที่เป็นกังวนมากที่สุดของผู้ที่ตกลงใจเลือกใช้รถยนต์แบบ Hybrid ในบ้านเราก็คือราคาค่าตัวของแบตเตอรี่ เนื่องจากมันมีความแตกต่างทั้งรูปทรง พลังงานที่ให้และราคาเมื่อเปรียบเทียบกับแบตฯแบบปกติทั่วไป โรงงานที่ผลิตแบตเตอรี่ให้กับรถ Prius คือโรงงาน Primearth EV Energy Co.,LTD. ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งทำการผลิตแบตเตอรี่แบบ Ni-MH-Nickel Metal Hydride เพื่อป้อนให้กับรถยนต์ Hybrid ของค่าย Toyota แต่เดิมโรงงานดังกล่าวเป็นของบริษัท Panasonic ในภายหลังบริษัท Toyota ได้เข้ามาถือหุ้นถึง 51 % มีการรับประกันอายุการใช้งาน 8 ปีแต่ส่วนใหญ่แล้ว แบตเตอรี่ของมันจะมีอายุยืนยาวพอๆ กันกับตัวรถเลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัยใน Prius Hybrid Minor Change 2012
-กระจกมองข้างลดการเกาะตัวของหยดน้ำ Hydrophilic
-ระบบควบคุมการปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
-กระจกมองหลังลดแสงสะท้อน EC Mirror
-สัญญาณไฟเบรกกะพริบเมื่อใช้เบรกกะทันหัน Emergency Stop Lamps
-ระบบควบคุมการทรงตัว VSC- Vehicle Stability Control
-ระบบกระจายแรงเบรก EBD Electronic Brake-force Distribution
-ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC Traction Control System
-ระบบป้องกันล้อล็อก ABS Anti-lock Braking System
-ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง - ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง / หัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
-หมอนพิงศีรษะคู่หน้าแบบลดแรงกระแทก Active Headrest
-โครงสร้างนิรภัยแบบ GOA

Toyota New Prius Hybrid Minor Change 2012 Specifications
เครื่องยนต์.................................4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i
รหัสเครื่องยนต์..........................2ZR-FXE
ปริมาตรความจุ.........................1,797 ซี.ซี.
กระบอกสูบXช่วงชัก.................80.5 มิลลิเมตรx 88.3 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด....................13.0:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง...................หัวฉีด EFI
แรงม้าสูงสุด............................99 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด............................142 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
มอเตอร์เจนเนอเรเตอร์............ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด...................650 โวลต์
กำลังสูงสุด...............................82 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด............................207 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง...................................0-100 กิโลเมตรใน 10.4 วินาที
ความเร็วสูงสุด.........................183.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แบตเตอรี่...............................Ni-MH-Nickel Metal Hydride
แรงดันไฟฟ้า.............................201.6 โวลต์
จำนวนโมดูล.............................28 โมดูล 168 เซลล์
กำลังสูงสุด...............................37 แรงม้า
ความจุไฟฟ้า.............................6.5 แอมป์ต่อชั่วโมง
ระบบขับเคลื่อน
ชุดส่งกำลัง...............................เกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT
ระบบรองรับ
ด้านหน้า...................................แมคเฟอร์สันสตรัท สปริงและเหล็กกันโคลง
ด้านหลัง...................................อิสระทอร์ชั่นบีม
ล้อและยาง...............................อัลลอยขนาด 15 นิ้ว ยาง Goodyear รุ่น Excellence ขนาด 195/65R15 ทั้ง 4 ล้อ
ระบบเบรก...............................ดิสเบรกทั้งสี่ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อนพร้อมระบบช่วยเบรก ABS EBD
มิติตัวถัง
ความกว้าง...............................1,745 มิลลิเมตร
ความยาว.................................4,460 มิลลิเมตร
ความสูง...................................1,490 มิลลิเมตร
ความจุถังเชื้อเพลิง...................45 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ...........................1,395 กิโลกรัม
สีตัวถัง
White Pearl Crystal (คันทดสอบ)
True Blue Metallic
Silver Metallic
Attitude Black Mica
Red Mica Metallic
ราคา
1.8 Tpo Option........................1,369,000 บาท (คันทดสอบ)
1.8 Top.....................................1,299,000 บาท
1.8 Standard.............................1,199,000 บาท
Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
นับจากรถ Prius รุ่นแรกสุดออกวางขายในปี ค.ศ. 1997 จนถึงรุ่นปัจจุบันในปี 2012 Toyota สามารถสร้างยอดตัวเลขของการจำหน่ายกว่า 1.2 ล้านคัน และหากนับรวมเอาจำนวนรถยนต์แบบ Hybrid ทุกรุ่นที่บริษัท Toyota เคยผลิตออกขาย จะทำให้ค่ายสามห่วงขึ้นเป็นผู้นำอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วย จำนวนของรถยนต์เครื่องยนต์ลูกผสมแบบ Hybrid กว่า 1.7 ล้านคัน ซึ่งช่วยทำให้การปล่อยก๊าซ Co2 ลดลงถึงกว่า 9 ล้านตันทั่วโลก

รถ Toyota New Prius Model 2010-2012 มีพลังเพิ่มขึ้น 35% ลดการปล่อย Co2 ลงอีก 25% รวมถึงประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นอีก 23% เมื่อเทียบกับรุ่นแรกสุด รถยนต์พลังงานผสม Prius คือผู้ริเริ่มและบุกเบิกนวัตกรรมยานยนต์ประหยัดพลังงานสองรูปแบบ ที่หลายค่ายต้องนำไปลอกเลียนแบบ ระบบขับเคลื่อน Series-Parallel hybrid ของมันนับเป็นอีกหนึ่งงานวิศวกรรมยานยนต์ที่เหมาะสมกับปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบปกติ Toyota พัฒนาระบบนี้อย่างเข้มข้น เพื่อทำให้มันขับเคลื่อนได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ความเร็วต่ำกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Prius สามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานจากมอเตอร์ล้วนๆ จนกว่าไฟจะหมดแบตฯ หลังจากนั้นเครื่องยนต์จะเข้ามารับหน้าที่แทน โดยจะขับเคลื่อนตัวรถ ไปพร้อมๆ กับการชาร์จประจุ กักเก็บกระแสไฟฟ้ากลับคืนสู่แบตเตอรี่อีกครั้ง หมุนเวียนไปตลอดการขับขี่ใช้งาน วิศวกรของค่ายสามห่วงเคลมว่า เมื่อมันชาร์จไฟจนเต็มที่แล้ว จะวิ่งได้ด้วยความเร็วไม่เกิน 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ไกลประมาณ 2 กิโลเมตรพร้อมกับเสียงการทำงานที่เงียบสนิท



รุ่นใหม่ล่าสุดของ Toyota Prius โมเดล 2012 ถูกเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม 2555 โดยทางค่าย Toyota Motor Thailand co,ltd ส่งรถพลัง Hybrid ยอดนิยมรุ่นนี้ลงทำตลาดอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับ New Camry Hybrid และนำเอานวัตกรรมของรถยนต์ประหยัดพลังงานยุคใหม่มาเป็นจุดขาย มันคือผู้นำด้านรถยนต์พลังงานผสมที่มียอดขายสูงกว่าคู่แข่ง และได้กลายเป็นยนตรกรรมสีเขียว แนวอนุรักษ์สภาพแวดล้อมที่ปล่อยมลพิษต่ำ สมรรถนะด้านการขับใช้งานที่เพิ่มขึ้น มีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ จากการออกแบบรูปทรงของตัวถังและประหยัดเชื้อเพลิงอย่างสูงสุด และนี่คือที่มาของรถยนต์พลังงานผสม ที่สร้างความพึงพอใจจากการขับขี่ได้ดีที่สุดในยุคนี้
ด้วยความกว้าง 1,525 มิลลิเมตรของฐานล้อหน้า ยาว 4,460 มิลลิเมตรและสูง 1,490 มิลลิเมตร ช่วยทำให้รถยนต์พลังงานผสมคันนี้ดูอวบอ้วนมากกว่าความเป็นจริง ความต้องการให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศต่ำกว่าปกติ บีบบังคับให้รูปทรงของมันออกมาอย่างที่เห็น วิศวกรผู้ออกแบบ Mr Akihiko Otsuka เน้นไปที่จุดสูงสุดของการเคลื่อนที่ โดยวางตำแหน่งการขับเอาไว้แทบจะกึ่งกลางของตัวรถ รูปทรงของตัวถังมีค่า CD น้อยลงกว่ารุ่นที่สอง รวมถึงชิ้นหลังคาแก้วในโมเดลไมเนอร์เชนจ์ ส่วนภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกถึงความสมดุลที่ดี ระหว่างรถยนต์แห่งอนาคต กับรถที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน โทนสีเข้มสลับเทาช่วยทำให้ห้องโดยสารมีความผ่อนคลาย เบาะหนังนั่งสบายในทุกตำแหน่ง พื้นที่เหนือศีรษะมีมากพอ การใช้โทนสีเข้มสลับอ่อน ช่วยทำให้บรรยากาศภายในดูเบาสบายตาและสว่างมากขึ้น แด็ซบอร์ดผลิตจากวัสดุ Ecological Plastic (ทำมาจากพืชแล้วขึ้นรูปด้วยการฉีดแม่พิมพ์) อาจมีความแตกต่างไปบ้างจากพลาสติกทั่วๆไป ในเรื่องของมุมมองและผิวสัมผัส วัสดุ Ecological Plastic สามารถนำไปผ่านกระบวนการย่อยสลายแล้วนำกลับมาใช้ได้ใหม่ซึ่งตรงตาม Concept ของการอนุรักษ์พลังงานที่เป็นจุดขายของเจ้า New Prius



Toyota Prius คันแรกออกขายในปี 1997 จวบจนมาถึงรุ่นปัจจุบันในเจนเนอเรชั่นที่ 3 กับโมเดล Minor Change ของปี 2012 ที่คล้ายคลึงกันทั้งในยุโรป อเมริกา รวมถีงในเอเชีย โดยภาพรวม Toyota ยังคงรูปทรงของตัวถังเดิมเอาไว้ แต่เปลี่ยนแปลงระบบบริหารพลังงานให้ดีขึ้น ปรับเปลี่ยนชุดไฟหน้าและไฟท้ายใหม่หมด รวมถึงกระจังหน้าและไฟตัดหมอกที่คมเข้มขึ้นมาอีกนิดหน่อย รูปทรงแบบลิ่มมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ 0.25 อากาศพลศาสตร์ที่ผ่านการพัฒนามาเป็นอย่างดี ทำให้มันมีความลู่ลม ซึ่งส่งผลไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น สปอยเลอร์หน้ายังฝังชุดมอเตอร์ฉีดน้ำ เพื่อทำความสะอาดโคมพลาสติกโพลิเมอร์ของไฟหน้า ไฟหน้าใน Prius Minor Change 2012 มีรูปแบบที่เปลี่ียนไปจากโมเดล 2010 ใช้หลอดไฟแบบ LED เพื่อการกระจายแสงสว่างที่ให้มุมมองดีกว่าไฟแบบฮาโลเจน พร้อมด้วยระบบเปิด-ปิดไฟหน้าและปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ



หลังคาแบบกระจก Moon Roof ผสมหลังคากักเก็บพลังงาน Solar Roof คือสิ่งที่วิศวกรของค่ายสามห่วงเพิ่มเติมเข้ามาในรุ่น Minor Change ปี 2012 มันคือระบบ Solar Ventilation System ที่ช่วยระบายอากาศร้อนภายในห้องโดยสารขณะจอดตากแดด ลดอุณหภูมิของห้องโดยสารจากการสั่งงานที่รีโมตคอนโทรล ช่วยให้การใช้งาน ท่ามกลางสภาพอากาศแบบเมืองร้อนของประเทศไทยมีความสะดวกสบายขึ้น แผงหลังคา Solar Ventilation System จะรับพลังงานโดยตรงจากแสงอาทิตย์ และแปรพลังงานที่ได้เป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงการทำงานของพัดลม ด้วยระบบที่แยกกันจากการใช้เชื้อเพลิงอย่างสิ้นเชิง ทำให้มันมีตัวเลขการสิ้นเปลืองที่น่าทึ่งมาก ทรงด้านข้างตัวถังแบบลิ่มคล้ายกับรถ Concept Car สมัยใหม่ รถ Prius Minor Change 2012 ใช้ล้อแม็กอัลลอยขนาด 15 นิ้ว ห่อหุ้มด้วยยางลดแรงต้านทานกับผิวถนนยี่ห้อ Goodyear รุ่น Excellence ขนาด 195/65R15 ทั้ง 4 ล้อ วงล้ออัลลอยสีดำลายห้าก้านยังทำเท่ ด้วยการแปะพลาสติกสีเงิน เพื่อลดการหมุนวนของอากาศเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง



ทรงตันทึบของบั้นท้ายใน Prius Minor Change ดูดีด้วยกระจกบานหลังแบบสองชิ้น มีครีบสปอยเลอร์หลังกั้นกลาง กระจกบานหลังแบบแฮตช์แบคยังใช้ความลาดเอียงสูงสุด เพื่อทำให้อากาศไหลผ่านได้อย่างมีระเบียบ ไฟท้ายแบบใหม่ยังคงใช้หลอดไฟแบบ LED อยู่ในกรอบไฟท้ายพลาสติกสีขาว เงิน และแดงที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้ตัว 2010 ไฟเบรกดวงที่สามวางตัวอยู่กึ่งกลางของชิ้นสปอยเลอร์หลัง รูปทรงแบบเหลี่ยมของบั้นท้ายเจ้า Prius Minor Change ยังเข้ากับสปอยเลอร์หลังที่มีแผ่นพลาสติกสะท้อนแสง ส่วนไฟถอยไม่ต้องตกใจว่าหลอดขาดเนื่องจาก Toyota ติดตั้งไฟถอยในตำแหน่งไฟท้ายด้านซ้ายเพียงที่เดียวเท่านั้น ประตูฝาท้ายเปิดออกได้ด้วยมุมที่สูง ช่วยให้การขนสัมภาระมีความสะดวก ฝาท้ายประทับตรา Hybrid Synergy Drive สีเงิน-ฟ้า กับโลโก้ Toyota สีเงินพื้นฟ้า ที่บ่งบอกตัวตนว่ามันคือยานยนต์พลังงานผสมสุดฮิตของค่าย toyota



ภายในของ Prius Minor Change รุ่นท็อปคันทดสอบมีพื้นที่เท่าเดิม เบาะคนขับปรับตั้งสูงต่ำ-ใกล้-ไกลได้ 8 ทิศทางด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหน้านั้น ยังคงใช้การปรับแบบแมนนวล หรือปรับตั้งด้วยมือโดยไม่สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้ เบาะทุกตำแหน่งหุ้มหนังแท้สีเทา-ดำเย็บด้ายสีขาวแบบตะเข็บคู่ คอนโซลและชิ้นส่วนบางชิ้นภายในห้องโดยสาร ใช้วัสดุรีไซเคิลทำจากพืชหรือ Ecological Plastic ขึ้นรูปด้วยการฉีดลงแม่พิมพ์แบบแรกของโลก วิศวกรของ Toyota แจ้งว่าวัสดุที่ทำมาจากพืชได้มาจากป่าปลูก ดูแปลกตาด้วยลวดลายผิวพื้นที่คล้ายกับเส้นใย ที่โดดเด่นในโมเดล Minor Change คือจอแสดงผลระบบสัมผัส ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลายขึ้นมากกว่ารุ่นที่แล้ว (เฉพาะรุ่นสูงสุด) จอ DVD-AVN พร้อมด้วยระบบนำทางด้วยดาวเทียม หน้าจอ LCD ให้ความคมชัดสูงมีขนาด 6.1 นิ้ว มาคู่กับรีโมตคอนโทรล สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอกด้วยช่อง AUX-USB และระบบ Bluetooth จอดังกล่าวยังทำงานร่วมกับเกียร์ถอย ด้วยการใช้เป็นมอนิเตอร์ให้กับกล้องถอยหลัง และสัญญาณเสียงเมื่อเข้าใกล้วัตถุกีดขวาง



พวงมาลัยสี่ก้านหุ้มหนัง มีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง ปรับตั้งทริปมิเตอร์และปุ่มปรับระบบปรับอากาศ ซึ่งมองเห็นได้จากจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Advanced Multi-information Display -MID แบบออฟติรอนเรืองแสง แสดงผลการขับขี่ทุกโหมด ระบบของพลังงาน การชาร์จแบตเตอรี่ ระดับเชื้อเพลิง โหมดการทำงานของระบบ Hybrid Energy Monitor โหมดแสดงผลการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือ Hybrid System Indicator โหมดแสดงแผลอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Consumption Record ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์สีฟ้า และก้านปรับตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ระบบ Head-up Display ยิงตัวเลขความเร็วของรถ สะท้อนขึ้นไปยังตำแหน่งกระจกหน้า โดยที่ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน




คันเกียร์ออโต้ E-CVT Electronic Gear Shift คล้ายกับจอยสติ๊กซึ่งใช้การดันไปในตำแหน่งที่ต้องการ ระบบส่งกำลังที่สั่งการด้วยไฟฟ้าของ Prius Minor Change ยังคงเหมือนกับรุ่นที่แล้วทั้งหัวเกียร์และซุ้มเกียร์ ที่ออกแบบให้กั้นกลางห้องโดยสารแบบแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน ส่วนลำโพงของ Prius Minor Change วางลำโพงคุณภาพสูงพร้อมเพาเวอร์แอมป์ของอเมริกันยี่ห้อ JBL ถึง 8 ทิศทาง (เฉพาะรุ่นท็อปสุด) ใกล้กับซุ้มเกียร์มีปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกสามโหมดคือ Power Mode เมื่อต้องการอัตราเร่งและกำลัง ECO Mode ใช้ขับขี่แบบประหยัด และ EV Mode ที่ใช้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ในการขับเคลื่อน (หากเแบตเตอรี่ใกล้หมดไฟ ระบบจะสั่งการให้เครื่องยนต์ทำงานโดยอัตโนมัติ) ส่วนระบบเกียร์ทดกำลังหริือ Reduction Gear ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงบิดให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานอย่างนิ่มนวลในการเปลี่ยนอัตราทด อุปกรณ์แยกกำลังหรือ Power Split Device ทำหน้าที่ผสานกำลังของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า




เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE Atkinson Cycle เป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อน และการหมุนเจนเนอร์เรเตอร์สำหรับผลิตกระแสไฟ เพื่อประจุเข้าสู่แบตเตอรี แล้วนำไปใช้หล่อเลี้ยงมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นต้นกำลังเสริม มอเตอร์จะเปลี่ยนกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี ให้แปรเปลี่ยนมาเป็นพลังงานกล ในรูปของแรงบิด เพื่อช่วยเครื่องยนต์ทำการขับเคลื่อนตัวรถในบางสถานการณ์ เช่น ในขณะที่กำลังออกตัวด้วยรอบต่ำ หรือเมื่อผู้ขับต้องการเร่งแซง ทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตในขณะที่ทำการสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยสวิตช์สตาร์ต จุดเด่นของมอเตอร์ใน New Prius คือสามารถสร้างแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่มันเริ่มหมุน ส่วนเจนเนอร์เรเตอร์ ทำหน้าที่แปรเปลี่ยนพลังงานกล จากการหมุนมาเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อทำการประจุกระแสไฟเข้าสู่ตัวแบตเตอรี่ หรือส่งกระแสไฟตรงๆ ไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าก็ได้


เครื่องยนต์ รหัส 2ZR-FXE Atkinson Cycle ตัวนี้ มีการทำงานของการจุดระเบิดที่พัฒนาขึ้นอีกระดับ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนของย่านกำลัง อัด โดยใช้ระบบวาล์วแปรผันแบบ VVT-i ทำงานร่วมกันกับระบบ EGR-Exhaust Gas Recirculation เพื่อนำเอาไอเสียบางส่วนที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ มาวนเข้าสู่ห้องเผาไหม้แล้วสันดาปอีกครั้ง ปั๊มน้ำของเครื่อง 2ZR-FXE ใช้ปั๊มไฟฟ้าแทนสายพานและมีน้ำหนักเบากว่า สามารถทำการหล่อเย็นให้กับทุกระบบของเครื่องยนต์ แม้เครื่องจะหยุดทำงานด้วยระบบ Stop-Start ก็ตาม ระบบ Hybrid Synergy Drive ใน New Prius ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า+เกียร์ E-CVT+Power Control Unit ที่ติดตั้งอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้า ส่วนท้ายของ Prius เป็นชุดแบตเตอรี่ Hybrid พร้อมชุดควบคุมอุณหภูมิ เพื่อทำให้ตัวแบตฯ สามารถจ่ายไฟได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสภาพอากาศ สิ่งที่เป็นกังวนมากที่สุดของผู้ที่ตกลงใจเลือกใช้รถยนต์แบบ Hybrid ในบ้านเราก็คือราคาค่าตัวของแบตเตอรี่ เนื่องจากมันมีความแตกต่างทั้งรูปทรง พลังงานที่ให้และราคาเมื่อเปรียบเทียบกับแบตฯแบบปกติทั่วไป โรงงานที่ผลิตแบตเตอรี่ให้กับรถ Prius คือโรงงาน Primearth EV Energy Co.,LTD. ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งทำการผลิตแบตเตอรี่แบบ Ni-MH-Nickel Metal Hydride เพื่อป้อนให้กับรถยนต์ Hybrid ของค่าย Toyota แต่เดิมโรงงานดังกล่าวเป็นของบริษัท Panasonic ในภายหลังบริษัท Toyota ได้เข้ามาถือหุ้นถึง 51 % มีการรับประกันอายุการใช้งาน 8 ปีแต่ส่วนใหญ่แล้ว แบตเตอรี่ของมันจะมีอายุยืนยาวพอๆ กันกับตัวรถเลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัยใน Prius Hybrid Minor Change 2012
-กระจกมองข้างลดการเกาะตัวของหยดน้ำ Hydrophilic
-ระบบควบคุมการปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
-กระจกมองหลังลดแสงสะท้อน EC Mirror
-สัญญาณไฟเบรกกะพริบเมื่อใช้เบรกกะทันหัน Emergency Stop Lamps
-ระบบควบคุมการทรงตัว VSC- Vehicle Stability Control
-ระบบกระจายแรงเบรก EBD Electronic Brake-force Distribution
-ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC Traction Control System
-ระบบป้องกันล้อล็อก ABS Anti-lock Braking System
-ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง - ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / ม่านนิรภัย 2 ตำแหน่ง / หัวเข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง
-หมอนพิงศีรษะคู่หน้าแบบลดแรงกระแทก Active Headrest
-โครงสร้างนิรภัยแบบ GOA

Toyota New Prius Hybrid Minor Change 2012 Specifications
เครื่องยนต์.................................4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i
รหัสเครื่องยนต์..........................2ZR-FXE
ปริมาตรความจุ.........................1,797 ซี.ซี.
กระบอกสูบXช่วงชัก.................80.5 มิลลิเมตรx 88.3 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด....................13.0:1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง...................หัวฉีด EFI
แรงม้าสูงสุด............................99 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด............................142 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
มอเตอร์เจนเนอเรเตอร์............ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด...................650 โวลต์
กำลังสูงสุด...............................82 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด............................207 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง...................................0-100 กิโลเมตรใน 10.4 วินาที
ความเร็วสูงสุด.........................183.0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แบตเตอรี่...............................Ni-MH-Nickel Metal Hydride
แรงดันไฟฟ้า.............................201.6 โวลต์
จำนวนโมดูล.............................28 โมดูล 168 เซลล์
กำลังสูงสุด...............................37 แรงม้า
ความจุไฟฟ้า.............................6.5 แอมป์ต่อชั่วโมง
ระบบขับเคลื่อน
ชุดส่งกำลัง...............................เกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT
ระบบรองรับ
ด้านหน้า...................................แมคเฟอร์สันสตรัท สปริงและเหล็กกันโคลง
ด้านหลัง...................................อิสระทอร์ชั่นบีม
ล้อและยาง...............................อัลลอยขนาด 15 นิ้ว ยาง Goodyear รุ่น Excellence ขนาด 195/65R15 ทั้ง 4 ล้อ
ระบบเบรก...............................ดิสเบรกทั้งสี่ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อนพร้อมระบบช่วยเบรก ABS EBD
มิติตัวถัง
ความกว้าง...............................1,745 มิลลิเมตร
ความยาว.................................4,460 มิลลิเมตร
ความสูง...................................1,490 มิลลิเมตร
ความจุถังเชื้อเพลิง...................45 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ...........................1,395 กิโลกรัม
สีตัวถัง
White Pearl Crystal (คันทดสอบ)
True Blue Metallic
Silver Metallic
Attitude Black Mica
Red Mica Metallic
ราคา
1.8 Tpo Option........................1,369,000 บาท (คันทดสอบ)
1.8 Top.....................................1,299,000 บาท
1.8 Standard.............................1,199,000 บาท
Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
0 comments:
Post a Comment