Friday, June 15, 2012

ลองขับ “มิตซูบิชิ มิราจ”


รายงานผลการทดลองขับ รถยนต์อีโคคาร์ จากค่ายมิคซูบิชิ อย่าง มิราจ กันหน่อย มาดูว่า เจ้ารถเล็กๆ สีลูกกวาดอย่างนี้ "มีดี" พอที่จะวิ่งบนถนนอย่างภาคภูมิหรือไม่
โดย … พลพัต สาเลยยกานนท์
มิตซูบิชิ มิราจ
ช่วงนี้มองไปบนท้องถนนคงจะเริ่มเห็นรถสีลูกกวาดสดใส สร้างสีสัน ให้กับถนนบ้านเรากันอยู่บ้าง … ไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าผมกำลังกล่าวถึงรถอะไร … นั้นคือเจ้าอีโคคาร์ มิตซูบิชิ มิราจ ที่กำลังได้รับความนิยมด้วยยอดจองล่าสุดที่กว่า 2.5 หมื่นคัน ซึ่งเริ่มทยอยส่งมอบไปแล้วเมื่อช่วงปลายเดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ล่าสุด มิตซูบิชิ ได้จัด เวิล์ด พรีเมียร์ เทส ในระยะทางยาว เป็นประเทศแรกของโลก ด้วยระยะทางประมาณกว่า 300 กิโลเมตร บนเส้นทาง ปทุมธานี – ราชบุรี ของเจ้ารถสีลูกกวาดขนาดกระทัดรัดนี้ ที่มาพร้อมด้วย สโลแกนติดปากที่ว่า “มิตซูบิชิ มิราจ … ให้คุณได้มากกว่า” หรือ “New Mirage be more”
ต้องบอกเลยนะครับว่าเจ้ารถสีลูกกวาดคันนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะสโลแกนก็บอกอยู่แล้วว่า "ให้ได้มากกว่า" ซึ่งถ้าเทียบในรถระดับเดียวกันนั้น เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แบบนักมวย แล้วดูเหมือนว่าจะได้มากกว่าด้วยออพชั่นต่างๆนานา ที่ใส่กันแบบเต็มๆ แต่ในราคาเริ่มต้นที่ 3.80 – 5.46 แสนบาท เท่านั้น
หลังจากยืน อมยิ้ม กับรถสีลูกกว่าที่จอดเรียงรายชวนสะดุดตา ที่จุดสตาร์ท กับการเดินสำรวจรอบคันพบว่า รูปลักษณ์ภายนอกถือได้ว่าโอเค ไม่ว่าจะเป็นชุดชายกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอก สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ที่ปัดน้ำฝนหลังไล่ฝ่ากระจกหลังและล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้ว
เปิดประตูก้าวขึ้นรถด้วยความสูงของผมที่ 185 เซนติเมตร นึกในใจทีแรกว่าคงจะต้องหัวติดเพดานกันบ้าง … แต่พอหย่อนตัวลงนั่งในตำแหน่งคนขับกลับไม่เป็นเช่นนั้นและมีระยะเว้นให้สูงพอสมควร จากนั้นลองไล่สายตาไปภายในห้องโดยสาร สังเกตการณ์วางตำแหน่งการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆและการออกแบบภายในดูสะดวกและสบายดี ไม่อึดอัดครับ
ส่วนเบาะหลังถูกออกแบบให้ปรับพับได้แบบ 60:40 และพื้นที่เก็บของด้านหลังก็ถือว่าโอเคครับ สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้ประมาณ 2 ใบและกระเป๋าขนาดกลางอีก 1 ใบ … ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆภายในที่อยู่ในเจ้ามิราจนี้ มาพร้อมด้วย ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ กระจกไฟฟ้าพร้อมระบบความปลอดภัยหยุดอัตโนมัติเมื่อชนแขนเวลาเปิด (เฉพาะฝั่งคนขับ)
รวมถึงกระจกมองข้างปรับไฟฟ้าที่มาพร้อมด้วยระบบพับและกางอัตโนมัติเวลากดล็อคจากรีโมท และ วิทยุเครื่องเสียง จอภาพทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถเล่นได้ทั้ง DVD/MP3/USB พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth ช่องวางของและการออกแบบภายในเรียกได้ว่าสะดวกสบายต่อการใช้งานดีครับ
กดปุ่ม Push start เริ่มล้อหมุนออกจากจุดสตาร์ทกันแบบเบาๆเรียกรอบต่ำทำความรู้จักกับรถ กดไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลนก็ได้เจอกับระบบสัญญาณไฟเลี้ยวแบบกระพริบ 3 ครั้ง (กดเบาๆแค่ครึ่งเดียว) เพื่อเข้าสู่เส้นทางหลักมุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี ด้วย กำลังเครื่องยนต์ 3A92 แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว 1,200 ซีซี กำลังสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และ แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ที่ 400 รอบต่อนาที โดยสามารถเติมน้ำมันตระกูลแก๊สโซฮอล์สูงสุดได้ที่ E20
พร้อมกันนี้เครื่องยนต์ดังกล่าวทำงานควบคู่กับ ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งเป็นระบบใหม่ล่าสุดของรถในตระกูลอีโคคาร์ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS III ที่วิเคราะห์และจับลักษณะการขับขี่ของผู้ขับขี่และนำไปประมวลผลการเปลี่ยนเกียร์
ขับไปเรื่อยๆด้วยความเร็วปกติชีวิตประจำวันและสภาพการจราจรปกติที่ประมาณ 90 – 110 กม./ชม. เพื่อทดสอบอัตราประหยัดของเจ้าอีโคคาร์สีลูกกวาดคันนี้ ด้วยระยะทาง 201.7 กิโลเมตร จากจุดสตาร์ท – จุดเติมน้ำมันในจังหวัดราชบุรี
สำหรับอัตราประหยัดที่ มิตซูบิชิ เคลมไว้ว่าอยู่ในระดับ 22 กม./ลิตร ซึ่งตรงนี้จากการทดสอบใช้น้ำมันไปทั้งหมด 10.730 ลิตร หรือถ้าคำนวณแล้วก็ประมาณ 20กม./ลิตร ซึ่งผมว่าไม่ขี้เหร่เลย ซึ่งระหว่างการขับขี่หากเราขับด้วยความเร็วและรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกัน ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดจะขึ้นโชว์อัตโนมัติบนหน้าจอ
ระหว่างจอดที่จุดเติมน้ำมัน ลองเล่นถึงระบบต่างๆที่เขาเคลมไว้ว่า ‘ให้ได้มากกว่า’ กับระบบสัญญาณเสียง เมื่อปิดประตูไม่สนิท, ระบบหน่วงเวลาเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้า หลังการดับเครื่องยนต์ ยังสามารถปิด – ปิดได้อีกภายใน 30 วินาที (ก่อนเปิดประตู) รวมถึง ระบบระบบล็อกประตูซ้ำอัตโนมัติ หลังจากการปลดล็อกแล้วไม่มีการเปิดประตูภายใน 30 วินาที ระบบจะล็อกประตูทุกบานเพื่อรักษาความปลอดภัย และระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS สามารถปลดล็อกประตูหน้าได้เมื่อกุญแจอยู่ในรัศมี 70 ซม.
กลับมาประจำตำแหน่งคนขับอีกครั้ง กับการเดินทางต่อที่เริ่มเร้าใจขึ้นด้วยการเพิ่มความเร็วให้ทราบถึงอัตราเร่งและระบบช่วงล่าง ทางขึ้น – ลง เขาสลับทางตรง ความเร็วที่ใช้เริ่มขยับมาสูงขึ้นแต่ยังคงคอนเซปต์เดิมที่เน้นลักษณะการใช้งานจริง ซึ่งตรงนี้ผมว่า อัตราเร่งแม้กระทั่งขณะเร่งแซง เจ้ารถสีลูกกวาดคันนี้ทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไร ถึงแม้จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1,200 ซีซี … ก็เถอะ … เรียกกำลังจากเครื่องยนต์มาใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร
ส่วนช่วงล่างและระบบการทรงตัวรวมถึงการควบคุมรถ ถือว่าโอเค เนื่องด้วยระบบทั้งคันเป็นไฟฟ้าทั้งหมด คำนวณจากความเร็วที่ใช้และปรับให้เข้ากับช่วงล่างและน้ำหนักพวงมาลัยที่เหมาะสม … แต่เมื่อใช้ความเร็วแล้วเข้าโค้งยังพอมีอาการให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งพอจะเข้าใจได้ว่า อาจเป็นเพราะล้อที่ให้มามีขนาด 14 นิ้ว ด้วยขนาดยาง 165/65 R14 อาจจะทำให้เห็นอาการอยู่บ้าง … ซึ่งถ้ามีการปรับแต่งเพิ่มขึ้นก็อาจจะช่วยได้บ้าง …
เส้นทางเริ่มคดโค้งในเขาสลับขึ้น-ลง น้ำหนักพวงมาลัยเริ่มปรับตามลักษณะการขับขี่ให้ความรู้สึกกระชับมากขึ้น ตรงนี้ที่จับความรู้สึกได้อีกอย่างหนึ่งระหว่างช่วงทางลงเขาคือ ระบบเกียร์ที่เข้ามาช่วยควบคุมความเร็วให้สัมพันธ์กันโดยใช้เซ็นเซอร์ในการจับความลาดเอียงของรถ อุ่นใจดีครับ … ในขณะที่เมื่อทางขึ้นเขาระบบเกียร์ดังกล่าวก็จะเข้ามาช่วยทำงานให้ความเร็วในการขึ้นเขาเป็นไปได้อย่างราบรื่น … ชอบชอบ
นอกจากนี้ ระบบความปลอดภายที่ให้มาในเจ้ารถอีโคคาร์สีลูกกวาดนี้ เรียกได้ว่า ไม่น้อยหน้ารถในระดับราคาแพงๆเลยครับ อย่างเช่น ระบบถุงลมนิรภัยคู่หน้า, เข็มขัดนิรภัยด้านคนขับแบบดึงกลับอัตโนมัติ, ระบบเบรก ABS, ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD, ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม 
และสำหรับจุดเด่นที่ มิตซูบิชิ ภูมิใจนำเสนอกับเจ้ารถคันนี้มากอีกอย่างหนึ่งก็คือ น้ำหนักรถคันนี้มีน้ำหนักเบาที่สุดในรถในระดับเดียวกัน โดยมีน้ำหนักประมาณ 830-870 กิโลกรัม เท่านั้น
โดยรถลูกกว่านี้มีให้เลือกทั้งหมด 8 สีจี๊ดจ๊าด … ต้องบอกเลยว่า แต่ละสีโดนใจวัยรุ่นทั้งนั้น …



ภายในรุ่นเกียร์ธรรมดา

เบาะหลังพับได้ แต่ไม่ราบน่ะ



เขียนเมื่อ : // 2:33 AM
หมวดหมู่:

0 comments:

Post a Comment

 
Powered by Blogger.